จิรกิตติ์ เชยกาญจน์

โอนเงินออกจากบัญชี

0848445274

ิอาภาพรเกษหอม

เราทำธุรกิจรับซื้อข้าวโพดจากลูกค้า ธกส. อยู่ที่ลำพูน แต่ทะเบียนบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ เพิ่งย้ายมาได้ 4 เดือน เราจะสมัครเป็นลูกค้า ธกส. ได้มั๊ย

มีธุรกิจรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกร จะสมัครใช้สินเชื่อได้มั๊ย

อยากทราบว่ามีธุรกิจเทคโนโลยีประเภทไหนที่น่าสนใจบ้าง

ต้องการเป็นผู้ประกอบการเทคโนโลยี

เข้าบัญชีนายยุทธนา ทาแจ่ม

ปีนี้จะจัดอีกไหมคะ

สนใจงานงานอินเวสเตอร์เดย์

แมลงทอด ไม่ว่าจะเป็นหนอนรถด่วน ตั้กแตนทอด หรือแม้แต่จิ้งหรีดทอดนั้น เป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบของแปลกทั้งคนไทยและคนต่างชาติ แต่เรารู้หรือไม่ว่า แมลงพวกนี้เป็นแหล่งโปรตีนแห่งอนาคต เพราะมีโปรตีนสูงกว่าทั้งเนื้อวัว หมู และไก่ แถมการเพาะเลี้ยงแมลงยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เนื่องจากใช้พื้นที่ น้ำ และอาหารในการเพาะเลี้ยงไม่มาก แถมยังปล่อยก๊าชคาร์บอนไดร์ออกไซด์น้อยกว่าหลายเท่าตัว แมลงที่ได้รับความนิยมขณะนี้ คือ “จิ้งหรีด” หนึ่งในแมลงอุตสาหกรรมของไทย สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค.กระทรวงพาณิชย์ ได้ทำการวิเคราะห์สินค้าที่จะมาแรงในปี 65 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและของผู้บริโภคยุคใหม่ ประกอบกับสินค้าที่ไทยมีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตในตลาดโลก ทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-curve) เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก รวมถึงแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก (Local Economy) ของไทย ดังนั้นอาหารทางเลือก โดยเฉพาะโปรตีนจากจิ้งหรีดที่หลาย ๆ ประเทศเริ่มให้ความสนใจ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับเกษตรกรไทยที่มีการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดในเชิงพาณิชย์มาหลายปี ปัญหา 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ การเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดที่ไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นอุปสรรคสำหรับการส่งออก และการไม่มีตลาดที่แน่นอน การบริโภคผลิตภัณฑ์แปรรูปยังไม่แพร่หลายนัก ส่วนตลาดในต่างประเทศ มาตรฐานและกฎระเบียบยังไม่ชัดเจนนัก และการบริโภคแมลงเพิ่งเริ่มเป็นกระแสจึงยังเป็นตลาดเฉพาะที่มีผู้บริโภคในวงจำกัด ดังนั้น ภาครัฐจึงควรเร่งส่งเสริมการเพาะเลี้ยง/การผลิตที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ตลอดจนการทำการตลาดทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ด้วยการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค เพื่อเพิ่มความต้องการบริโภค แม้ว่าตลาดโปรตีนแมลงยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ในตลาดต่างประเทศได้เปิดกว้าง และเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคเป็นส่วนใหญ่ ในสหรัฐคาดว่ามูลค่าทางการตลาดมีกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งธุรกิจแมลงนับเฉพาะแมลงที่คนกินได้ทั่วโลกมีมูลค่าถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 12,800 ล้านบาท โดยเอเชียเป็นตลาดหลักมีสัดส่วนประมาณ 30-40% ของทั้งโลก เห็นอัตราการเติบโตของตลาดแมลงเช่นนี้ น่าจะมีช่องว่างให้ผู้ประกอบการไทยที่มีนวัตกรรม และสินค้าอยู่ในมือได้เข้าไปเจาะตลาดได้ไม่ยากเพราะตลาดยังคงเป็นของผู้บริโภค

ชี้ช่องรวยปี 65 "จิ้งหรีด" โปรตีนแห่งโลกอนาคต 

พี่ๆ คนไหนมีแผนจะทำเกษตรอินทรีย์ เรามีวิธีง่ายๆ เพียง 4 ข้อ มาฝากค่ะ
1. เน้นการบำรุงดิน ด้วยอินทรีย์วัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ
2. เลือกใช้เมล็ดพันธุ์พืชที่มาจากการผลิตแบบอินทรีย์
3. ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ใช้วิธีตัดหญ้า ใช้พืชที่มีกลิ่นฉุนไล่แมลง
4. เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ย่อยสลายได้หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
 
การทำเกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิก ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ รวมถึงเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไร้สารปนเปื้อน 

หากพี่ๆ หรือเพื่อนท่านไหน มีข้อเสนอแนะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ คอมเมนท์ด้านล่างได้เลย

แนวทางการทำเกษตรอินทรีย์

ขอเชิญรับชมเรื่องราวของ Startup หัวใจเกษตร ที่มีความมุ่งมั่นอยากจะต่อยอดการเกษตร 
โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงค้นคว้าทดลองจนสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย 
ด้วยจุดเริ่มต้นจากเกษตรกร สู่การเป็นเกษตรกรต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในแขนงต่างๆ
สามารถรับชมเรื่องราวที่น่าสนใจได้ทาง Youtube: BAACThailand
หรือคลิก https://www.youtube.com/watch?v=FhfrNDoOvXs&list=PL7gIwMaiyiX5A7r4WiqiNNag_iLjHSbrl&index=10&ab_channel=BAACThailand

“INNOVATION นวัตกรรม นำเกษตร”

ปลูกฝ้ายทำด้าย ผ้าปักมือ กับธรรมชาติ
ผึ้งโพรง แปรรูปผลิตภัณฑ์จากผึ้ง

ผึ้ง/ฝ้าย/ด้าย/ไหม

สินค้า การเกษตร แปรรูป ที่ราคาแน่นอน ไม่ผ่านคนกลาง ด้วยการรวมกลุ่มสร้าง เทคโนโลยี ให้ทันสมัย ทางเกษตร
เติมช่องว่างคนรวย กับคน จนให้แคบลง โดยทางรัฐบาลให้การสนับสนุนในเชิง SMEs


นวัฒกรรมาสินค้าประกันราคายั้งยืน

เข้าเล่นแอปธนาคารไม่ได้ครับ



นาย คุณากร ศรีละออง

ต้องการบ่อบาดาลแบบฟรีๆ​ หรือเสียเงินแบบน้อยที่สุด

น้ำเพื่อการเกษตร

แจ้งการโอนเงินเข้าออก


เตรียมดินก่อนปลูก

เตรียมดินปลูกมันสำปะหลัง

จะเปลี่ยนเบอลงทะเบียน

ยกเลิกพร้อมเพลที่สมัครลงทะเบียนด้วยบัตรประชา



พร้อมเพล

ผมชื่อกบเทอร์ม่วงคับ

วันนี้นึ่งกบกันบ้านๆ

เมนูกบๆ

อยากทราบว่าผมขอสมัครสมาชิกไวัแล้ว จะรู้ผลว่าผ่านหรือไม่ผ่านได้อย่างไร

สมาชิก

การเจาะบาดาล แะขุดสระกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการเกษตร

การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ทำการเกษตร

ชมพู่ เจอฝนตก รสชาดจืดลง ไม่หวานจัด ทำอย่างไรดีคะ

ชมพู่

การทาบกิ่ง
การเสียบยอด

อยากเรียนรู้การขยายพันธุ์พืช

อยากทราบระบบการจัดการน้ำ​เพื่อใช้ในการเกษตร​ ที่นาไม่สามารถขุดเจาะบาดาลได้ แห้งแล้งไม่มีน้ำจากชลประทาน​ อยากทราบวิธีการเก็บกักน้ำไว้ในสระ​เพื่อใช้ได้ตลอดฤดูแล้ง​

อยากทราบระบบการจัดการน้ำ​

คือยังไม่มีความรู้เกี่ยวการทำเกษตรที่ไม่ใช่สารเคมีผมอยากจะขอความรู้และคำแนะนำครับ ผมต้องเข้าไปปรึกษาใคร? และต้องไปติดต่อที่ให
้นครับ

ขอคาวมรู้และคำแนะนำ

อยากได้ความรู้เกี่ยวกับกัน ผสมสาร พ่นลำไย ในฤดู

การผสม สาร พ่นลำไย

อื่นๆ

วินัยทางการเงินสร้างได้..ด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ ช่วยให้ลดฟุ่มเฟือย มีเหลือเก็บ เพียงแค่เรารู้จักวิธีดังนี้
1️⃣ ทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพราะการจดบันทึกให้เป็นนิสัย จะช่วยให้เราทราบว่าในแต่ละเดือนเรามีค่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง การบริหารเงินก็จะทำได้ง่ายขึ้น
2️⃣ เริ่มต้นออมเงินทีละน้อย เช่น ตัดเงิน 10% ของรายได้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เก็บไว้เป็นเงินสำรอง จะได้ไม่ต้องไปกู้ยืมเงินใครเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
3️⃣ ปรับลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ เช่น ลดการสังสรรค์ งดซื้อของที่ไม่จำเป็น นำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์แทน เพื่อสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น
วิธีเหล่านี้ทำตามไม่ยากเลย ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างวินัยทางการเงินที่ดีนั่นเอง ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ

ที่มา : Facebook BAAC Thailand

สร้างวินัยการเงินที่ดี

Tips! การใช้ตู้ ATM อย่างไรให้ปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้เราต้องตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ 
🟢 หลีกเลี่ยงการใช้ตู้ ATM ในที่เปลี่ยว หรือ ในบริเวณมุมอับที่มืดจนเกินไป เพราะอาจจะไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ
🟢 ใช้มือปิดบังขณะกดรหัสทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพแอบดูการกดรหัสบัตรของเรา 
🟢 ควรเก็บสลิปหรือใบบันทึกรายการที่ออกมาจากตู้ ATM ทุกครั้งไว้หลักฐานยืนยัน เพื่อง่ายแก่การตรวจสอบข้อมูล
🟢  หากมี sms แจ้งยอดที่ผิดปกติ หรือตรวจสอบแล้วรายการไม่ถูกต้อง ให้รีบติดต่อธนาคารทันที 
หากปฏิบัติตามวิธีต่างๆ ตามนี้ เราก็จะทำธุรกรรมการเงินผ่านตู้ ATM ได้อย่างปลอดภัย

ที่มา : Facebook BAAC Thailand

การใช้ตู้ ATM อย่างไรให้ปลอดภัย

หอมแดง ของดี มีคุณภาพ ราคาถูกไป

หอมแดง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน

ชาสมุนไพรจากผักเชียงดา แปลงปลูกมาตรฐานออร์แกนิกไทยแลนด์ สายพันธุ์วิจัยจากราชมงคลล้านนา ใช้กรรมวิธีคั่วชาแบบแพทย์แผนไทย 

หยุดเบาหวานด้วยการดื่มชา


♻️เพียงเราปรับ🌎โลกก็เปลี่ยน เริ่มต้นได้เลยวันนี้ขอเพียงลงมือทำ!

1. เพาะปลูกพืชอย่างต่อเนื่อง ไม่ปล่อยให้พื้นดินว่างเปล่าแห้งแล้ง
2. เลิกใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เพื่อลดการก่อเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม
3. ไถพรวนดินในระยะเริ่มแรก เพื่อปรับโครงสร้างดิน ช่วยส่งผลดีแก่การปลูกพืช
4. รักษาแร่ธาตุ-สารอาหารในดิน ด้วยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอก

วิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้ จะทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น.. แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกด้วยกันนะคะ

4 ขั้นตอนสร้างเกษตรอินทรีย์รักษ์โลก

ไขข้อสงสัย?..ความต่างของ ผักออแกนิค กับ ผักไฮโดรโปนิกส์ ที่คนปลูกเลือกได้ คนทานก็ต้องเลือกด้วย
🥬 ผักออแกนิค หรือ ผักเกษตรอินทรีย์นั่นเอง ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้เม็ดพันธุ์ที่ตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) ปลอดภัยต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง จึงทำให้ราคาจะสูงกว่าผักทั่วไป
🥬 ส่วนผักไฮโดรโปนิกส์ จะใช้สารเคมีในการปลูก แต่ปลอดภัยจากสารพิษตามมาตรฐาน โดยใช้น้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ทำให้ปลูกง่าย มีพื้นที่น้อยก็ปลูกได้ มีความสะอาด ปราศจากสิ่งปนเปื้อนในดิน 
ไม่ว่าจะเลือกซื้อผักแบบไหน ควรเลือกทานผักให้หลากหลายชนิด เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และอย่าลืมล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนทานทุกครั้ง จะได้ปลอดภัยไร้กังวลนะจ๊ะ

ที่มา : ธกส BAAC Thailand

ความต่างของ ผักออแกนิค กับ ผักไฮโดรโปนิกส์

ชี้ทางรอด เกษตรวิถีใหม่สู่ยุค New Normal หลังเจอพิษโควิด-19 ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ เราจึงต้องพัฒนาการเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน โดยมีแนวทางดังนี้
🟢 ทำการตลาดออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ สื่อโซเชียลต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าเกษตรให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง
🟢 แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ทำให้สามารถสร้างรายได้จากผลผลิตทางการเกษตรของตัวเองได้มากขึ้น และป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด
🟢 พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น จัดกิจกรรมเรียนรู้วิถีเกษตร โดยมีบริการนำเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร หรือขายผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ ควบคู่
🟢 ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนการเกษตร เช่น ระบบสมาร์ทฟาร์ม เพื่อลดเวลา ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างมาตรฐานสินค้าให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
🟢 เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพด้านการเกษตรอยู่เสมอ เพื่อสร้างรายได้ให้มีความมั่นคง จนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน หากเราปรับตัว ก้าวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป วิกฤตครั้งนี้อาจกลายเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเกษตรกรยุคใหม่อย่างเรา

ที่มา : ธกส BAAC Thailand

เกษตรวิถีใหม่สู่ยุค New Normal 

1. ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ บนพื้นที่การเกษตรทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง ทั้งทางดิน ทางน้ำ และทางอากาศ
2. ใช้นกหรือแมลงในการกำจัดศัตรูพืช ช่วยลดต้นทุนการผลิตแทนการใช้สารเคมี และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า
3. ใช้ปุ๋ยคอก น้ำหมักชีวภาพในการบำรุงดิน จะทำให้ผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุ วิตามิน 
4. รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ช่วยสร้างความสมดุลทางธรรมชาติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
5. ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ตัดแต่งพันธุกรรม (GMO) ช่วยให้ได้ผลผลิตคุณภาพสูง อุดมด้วยคุณค่าทางสารอาหาร

#BAAC #เกษตรอินทรีย์

หลัก 5 ประการ แนวทางการสร้างเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน

8 กุญแจสำคัญ ไขสู่อนาคตการท่องเที่ยวไทยจากประสบการณ์ ท่าน ดร.นราธิป
.
1⃣ #ยิ่งปรับตัวได้เร็วยิ่งอยู่รอด: ธุรกิจที่สามารถดำรงอยู่ได้ คือธุรกิจที่สามารถปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่ปรับตัว
2⃣ #ไม่มีแบรนด์ใดที่ไม่เกิดจากตัวตน: เมื่อเรารับรู้ตัวตนที่แท้จริงของเรา เราจะกลั่นออกมาเป็นแบรนด์ที่สามารถยั่งยืนได้ เพราะคนจะอยู่แล้วจากไป แต่แบรนด์จะอยู่ไปตลาดกาล เมื่อเรามีตัวตนที่ชัดเจน เราจะมีสินค้าที่ High Value และเป็น Signature
3⃣ #การทำแบรนด์ให้ยั่งยืนต้องมี #เศรษฐกิจ #สังคม #สิ่งแวดล้อม #และวัฒนธรรม: การทำแบรนด์ให้ยั่งยืน ต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ให้สามารถอยู่ร่วมกันและไปด้วยกันได้
4⃣ #จำหลัก3Pและ2Eให้ขึ้นใจ: การทำแบรนด์ให้สำเร็จ ต้องมีหลัก 3P = Profit + People + Planet คือต้องมีกำไร ต้องคำนึงถึงผู้คน และต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหลัก 2E = Experience + Engagement คือการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ควบคู่ไปกับการเข้าถึง
5⃣ #เน้นสร้างExperienceให้ลูกค้า: เมื่อลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วม ลูกค้าก็จะมีความสุขในการมาเที่ยวในพื้นที่ชุมชนของเรา และจะได้ประสบการณ์ดี ๆ กลับไป
6⃣ #ไม่ละเลยAlternativeMarket: ลูกค้าที่เป็นกลุ่มทางเลือก มักพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้า เพราะอยากเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปในชีวิต
7⃣ #เรียนรู้การทำSnowballMarketing: ลูกค้ามักเชื่อคำบอกต่อจากลูกค้าคนก่อน มากกว่าการทำโฆษณาโดยใช้ Influencer ดังนั้นการรีวิวจากลูกค้าคนแรกจะสำคัญที่สุด เพราะมีการส่งต่อคำพูดนั้นเป็นวงกว้างขึ้น
8⃣ #เข้าใจประโยค You can’t sell anything, if you can’t tell anything. โดย Beth Comstock: ถ้าคุณตอบไม่ได้ว่าตัวตนคืออะไร คุณตอบไม่ได้ว่าคุณค่าของคุณอะไร คุณก็ไม่สามารถขายอะไรได้เลย
.
👨‍💼อาจารย์นราธิป อ่ำเที่ยงตรง
วิทยากรสาขาเกษตรท่องเที่ยวชุมชน วิทยากรและที่ปรึกษาด้านการตลาด
📌ในห้องอบรมสาขาเกษตรเทคโนโลยี New Gen Hug Knowledge Edutainment Camp
📌วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 

8 กุญแจสำคัญ ไขสู่อนาคตการท่องเที่ยวไทยจากประสบการณ์

คุณวิฑูรย์ ชวน New Gen ทำความเข้าใจ เกษตรอินทรีย์คืออะไรกันแน่?
.
1⃣ #เกษตรอินทรีย์คือเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หลาย ๆ ท่านยังมีความเข้าใจผิดว่า เกษตรอินทรีย์คือการทำเกษตรที่ใช้สารธรรมชาติ ซึ่งจริง ๆ แล้ว สารธรรมชาติบางตัวก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเราจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก หากสารนั้นนำมาใช้แล้วทำลายสิ่งแวดล้อม ก็ไม่จัดว่าอยู่ในประเภทเกษตรอินทรีย์
2⃣ #ต้องหมั่นดูแลให้ปุ๋ยให้ถูกเวลา สารอินทรีย์ต้องให้ตอนเย็น เนื่องจากสารกลัวแสงแดดและความร้อน รวมทั้งสารพวกนี้มีการระเหยเร็ว จึงต้องให้ซ้ำทุก ๆ 3 วันหรือ 7 วัน ตามแต่ละประเภทของมัน
3⃣ #การรักษาสิ่งแวดล้อมคือกุญแจสำคัญของคำว่ายั่งยืน เมื่อเรารักษาสิ่งแวดล้อมได้ ก็จะสามารถทำการเกษตรอย่างยั่งยืนได้ เพราะว่ามีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ส่งต่อไปตลอด
4⃣ #หลักการเกษตรอินทรีย์ ต้องประกอบไปด้วย 4 อย่าง คือ Health + Econogy + Fair + Care คือต้องคำนึงถึงระบบนิเวศ คำนึงถึงสุขภาพ มีความเป็นธรรม และคอยเอาใจใส่
5⃣ #หลักพื้นฐานความยั่งยืน ต้องประกอบไปด้วย 3 อย่าง คือ Social + Environment + Economy คือต้องคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสามารถทำแล้วไม่ขาดทุน
6⃣ #ดินคือหัวใจสำคัญที่สุด ดินที่ดี จะส่งผลให้พืชเจริญงอกงาม การบำรุงดินด้วยสารเคมี แม้จะได้ผลผลิตงอกงาม แต่จะส่งผลให้เกิดกับดัก ยิ่งทำต่อมา ยิ่งต้องใช้ปริมาณเยอะขึ้น และเป็นอันตรายมากขึ้น แต่ถ้าเราบำรุงด้วยสารอินทรีย์ ค่อย ๆ ปรับสภาพดินให้ดี จะส่งผลให้เกิดความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายดิน และสามารถทำเกษตรกรรมได้แบบยั่งยืน
.
👨‍💼คุณวิฑูรย์ ปัญญากุล
วิทยากรสาขาเกษตรกรรมยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิสายใยแผ่นดิน
.
📌ในห้องอบรมสาขาเกษตรกรรมยั่งยืน New Gen Hug Knowledge Edutainment Camp
📌วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 

New Gen ทำความเข้าใจ เกษตรอินทรีย์คืออะไรกันแน่?

พี่น้องเกษตรกรทุกคน ไม่ว่ารายเล็กหรือรายใหญ่ หากใครกำลังคิดจะสั่งปุ๋ย หรือสินค้าเกษตรเป็นจำนวนมาก ต้องดูให้ละเอียดรอบคอบนะคะ เพราะปัจจุบันมีมิจฉาชีพจำนวนมาก 􀀤

ว่าแล้วไปดูกันค่ะ ว่าเช็คลิสต์ที่เราต้องตรวจสอบ มีอะไรบ้าง 

1. รูปโปรไฟล์ มักจะไม่ใช้รูปตัวเอง
2. การจ่ายเงิน ควรเลือกแบบเก็บเงินปลายทาง
3. กรณีต้องจ่ายมัดจำ ควรมัดจำไม่เกิน 20%
4. ขอหลักฐานของผู้ขาย เช่น บัตรประชาชน หรือ ชื่อที่อยู่บริษัท
5. ผู้ซื้อเองก็ควรแสดงความซื่อสัตย์ต่อผู้ขายเช่นเดียวกัน

วิธีป้องกันการโดนโกง เมื่อซื้อสินค้าเกษตรออนไลน์

ขั้นตอนการขอรับใบอนุญาตนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทำได้ง่ายๆ

Lean คือระบบการผลิตที่มุ่งเน้นในเรื่องการไหล (Flow) ของงานเป็นหลักโดยทำการจำกัดความสูญเปล่า (Waste) ของงาน และ เพิ่มคุณค่า (Value) ให้กับตัวสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด (Customer Satisfaction) ซึ่งก็จะใช้กับการแก้ปัญหาเพื่อ การลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิต ลดความสูญเปล่าและปรับปรุงการไหลให้เกิดความต่อเนื่อง
ประโยชน์ของระบบ Lean 
1.ช่วยบริหารจัดการ
2.ลดความสูญเปล่า
3.ลดต้นทุนการผลิต
4. สร้างความเชื่อมั่น

ขอบคุณข้อมูลจาก www.facebook.com/dipromindustry

รู้จักระบบ Lean

เมื่อเริ่มต้นธุรกิจ ผู้ประกอบการและนักธุรกิจจำเป็นที่จะต้องจดทะเบียนให้ถูกต้อง แต่ต้องทำยังไง และต้องไปที่ไหนบ้างไปดูกัน

ขั้นแรก สำรวจว่าคุณต้องการจะเริ่มต้นธุจะกิจแบบไหน
ขั้นที่ 2 สิ่งที่ธุรกิจต้องทำ
ขั้นที่ 3 ขั้นสุดท้ายคือเครื่องหมายมาตรฐานต่างๆ ที่จะช่วยอัพเกรดสินค้าและธุรกิจของคุณให้ปังมากขึ้น

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dbd.go.th/download/article/article_20170220152115.pdf

การเริ่มต้นธุรกิจ

ทำอย่างไรเมื่อเกิดปัญหา ฝากไม่เข้า/ ถอนไม่ออก/โอนไม่ไป ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 

New Normal เทคโนโลยีวิถีใหม่ ปี 2020

อยากเลี้ยงวัวจะเริ่มต้นยังไงดี

เคล็ดลับตั้งรหัสบัตร ATM ง่ายๆ  แบบไม่เสี่ยงเสียทรัพย์

เทคนิคออมเงิน 3 ห่วง ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รู้ไว้ไม่ถูกหลอก.. โจรในโลกออนไลน์กำลังระบาด
ไม่ว่าจะเป็น การปลอมเป็นเพื่อน เว๊บไซด์ปลอม มัลแวร์ และอีกหลายเรื่อง..
ตั้งสติ ไม่รีบคลิก ตรวจดูlink ให้ดี ก่อนให้ข้อมูล🧐
-------------------
: ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเพจ ศคง.1213 ค่ะ👍

รู้ไว้ไม่ถูกหลอก.. โจรในโลกออนไลน์กำลังระบาด

เมล่อนสดๆจากฟาร์มเกษตรกรลูกค้าธ.ก.ส.จากอำเภอเมยวดีจังหวัดร้อยเอ็ดหลากหลายสายพันธ์ุ

จำหน่ายเมล่อนจากกลุ่มเกษตรกร

สำหรับท่านที่สนใจมองหาธุรกิจที่ลงทุนต่ำแต่กำไรต่อหน่วยสูง
คืนทุนเร็ว ลงทุนแค่หกหมื่นขายได้ทันทีเลยจ้า

เฟรนซ์ไชน์เป็ดย่่งเกลือ

ออกนมแล้วจร้าน่ารักใหม

หมูจีด

อยากเรื่องเยียวยาเกษตร

มาตราการเยียวยาเกษตรกร

บัญชีเงินฝากและและพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนไว้ถูกต้อง ไหม?

มาตรการเยียวยา www.เราไม่ทิ้งกัน.com

ถ้าอยากเป็นที่ชื่นชอบ เอาชนะใจเพื่อน เอาชนะใจคน และสร้างคอนเนคชันให้ดีขึ้นกว่าเดิม เขาว่ากันว่าต้องมี 3 สิ่งนี้ แล้วถ้าจะนำมาประยุกต์ใช้กับกิจการของเรา บางที ก็อาจต้องเรียนรู้ในการมี 3 อย่างนี้ไว้ด้วยเช่นกัน
.
1. "อย่าปลอม" ตัวตนที่แท้จริงของเราคือเครื่องมือทรงพลังที่สุดในการต่อติดกับคนอื่นและจะทำให้เราเป็นที่ชื่นชอบได้ เพียงแต่จะทำอย่างไรให้การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนอื่นนั้นดูเหมาะ
.
ถ้าเรารู้สึกดีกับความเป็นเรา เราก็จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่นได้ง่ายขึ้นและยาวนานขึ้น ทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องหน้าที่การงาน และแน่นอนว่า การเป็นตัวเรา ไม่ได้หมายถึงการพยายามเป็นคนน่ารัก
.
การโตในธุรกิจก็เช่นกัน การเป็นตัวจริง ที่รู้ลึกรู้จริงในเรื่องสินค้าและบริการที่เรามีหรือทำ จึงสำคัญ ตัวจริงจึงสามารถเป็นทั้งตำนานและเป็นที่จดจำที่หนึ่งในใจลูกค้าได้
.
2. "การเอาใจใส่เขา มากกว่าที่เขาคาดหวัง" เพราะคนเรามักสนใจเรื่องของตนเอง และทุกคนต้องการเป็นที่รักของคนอื่น ดังนั้น การเอาชนะใจเขาก็คือ การพูดคุยหรือขอให้เขาพูดคุยในเรื่องที่เขาสนใจ และเพื่อให้การมีส่วนร่วมนี้ดีขึ้น ก็ให้ตั้งคำถามที่เป็นคำถามปลายเปิด เพื่อให้เขาได้แสดงความคิดและทัศนคติได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเราสนใจและใส่ใจเขา
.
นอกจากนี้ ความเอาใจใส่ยังสามารถสะท้อนออกมาผ่านสายตาและภาษากาย เช่น การพยักหน้าเวลาคุยกับเขา พร้อมรอยยิ้มที่แสดงถึงความมีเสน่ห์ในตัวเรา
.
สำหรับผู้ประกอบการ การเข้าใจความต้องการของลูกค้าและสามารถตอบสนองความต้องการเขาได้จึงจำเป็น ยิ่งถ้าให้เขาได้เกินที่คาดอีก ก็ยิ่งดีไปใหญ่
.
3. "ฟังอย่างชาญฉลาด" เราจะต่อติดกับคนอื่นได้ดียิ่งขึ้น หากเราฟังมากกว่าพูด นั่นหมายถึง "การฟังเชิงรุก" ที่ต้องการให้เราโฟกัสในสิ่งที่คนอื่นกำลังพูด ซึมซับมัน และตีความมันโดยไม่ตัดสิน
.
การฟังที่ดีจะทำให้เราสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ค้นพบสิ่งที่เขาสนใจและชื่นชอบได้ และมันคือส่วนสำคัญที่จะทำให้เขาเพิ่มความชื่นชอบในตัวเราได้ เมื่อเกิดสายสัมพันธ์ด้วยการแสดงความเห็นอกเห็นใจผ่านการกระตือรือร้นที่จะฟัง
.
การฟังที่ดีคือการแสดงความเห็นอกเห็นใจ และพยายามเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าของความเงียบเมื่อเรากำลังฟัง อย่ากลัวความเงียบ ปล่อยให้ความเงียบได้ทำงานบ้าง ถ้าคู่สนทนาแสดงความรู้สึกออกมา ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ไม่จำเป็นต้องขัดจังหวะ แล้วเขาจะเปิดใจกับเรา
.
สำหรับผู้ประกอบการ การที่จะได้ให้ลูกค้ามากกว่าที่คาดในข้อ 2 ก็คือการรับฟังลูกค้าให้มาก ๆ นั่นเอง และด้วยยุคสมัยที่มีช่องทางติดต่อสื่อสารออนไลน์มากมาย การเก็บข้อมูลหรือ Data ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ช่องทางของเราเอง ยิ่งจะทำให้เราได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น นอกจากเราสามารถนำมาปรับปรุงสินค้าบริการของเราให้ดียิ่งขึ้น ยังอาจสามารถแตกไลน์สินค้าใหม่ ๆ ที่เป็นที่ต้องการของตลาดได้ก่อนใคร

ที่มา : ETDA Thailand กระทรวงดิจิทัล

3 เสน่ห์มัดใจลูกค้า

Internet of Things หรือ IoT คำ ๆ นี้ถือว่าฮิตมากในยุคนี้ เพราะเข้ามาเกี่ยวข้องแทบจะทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมการเกษตรในปัจจุบันด้วย ซึ่งหมายถึง เทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของเครื่องวัดและอุปกรณ์ทำการเกษตรต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถสั่งงานการทำกิจกรรมการเกษตร และยังช่วยให้ผู้ประกอบการ ตัดสินใจและบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
การพัฒนาภาคการเกษตรของไทยก้าวสู่ Smart Farming อาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะ การเกษตรสมัยใหม่นอกจากจะผสานเทคโนโลยี นวัตกรรมและองค์ความรู้ ยังต้องประกอบด้วยวิธีคิด การทำเกษตรแบบ ‘ผู้ประกอบการ’ เพื่อรองรับแรงงานภาคการเกษตรที่มีแนวโน้มลดลง โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเสริมศักยภาพ เพื่อสร้างผลิตผลที่มีมูลค่าสูง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก
.
เรียบเรียงโดย : ISMEDTEAM

เทคโนโลยี IoT โอกาสของผู้ประกอบการเกษตรไทยรุ่นใหม่สู่ Smart Farming

การลงทะเบียนเยียวยา

น้ำผึ้งสู้ๆคะ

         คุณเคยมานั่งคิดหรือไม่ว่าในตอนนี้นี้คุณมีอายุเท่าไหร่ แล้วเงินที่มีอยู่ตอนนี้มันมีเท่าไหร่ อีกทั้งในแต่ละเดือนคุณจะต้องเก็บเดือนละเท่าไหร่ จึงจะพอในช่วงตอนที่คุณจะเกษียณ อีกทั้งเมื่อคุณเริ่มแก่ตัวลงไปเรื่อยๆ มันก็หมายความว่าทั้งงาน เงิน มันก็จะลดลงไปด้วย แล้วคุณมีการเตรียมพร้อมที่ดีเพื่อวัยเกษียณของคุณแล้วหรือยัง? ในตอนนี้คุณอาจจะใช้สายแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ว่าคุณจะต้องเริ่มคิดให้มากแล้วล่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วล่ะก็จะต้องมานั่งเสียใจเอาทีหลังก็ได้นะ เพราะถ้าหากว่าคุณมีการ วางแผนการเงิน ที่ดีพออยู่แล้วมันก็จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตแบบมีอิสระทางด้านการเงินมากขึ้นด้วยยังไงล่ะ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วย วางแผนการเงิน ของคุณให้สบายในอนาคต
         1. ปลดหนี้สินซะ
         2. สร้างสินทรัพย์ เพื่ออนาคตทางการเงินที่ดี
         3. ทองเป็นของมีค่า ซื้อมันเก็บเอาไว้ซะ
         4. ใช้เงินลงทุน

ที่มา : https://moneyhub.in.th/article/4-tips-lifelong-money-planning/

4 เคล็ดลับ วางแผนการเงินให้มีเงินใช้ตลอดชีวิต

การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน การจับจ่ายใช้สอย หรือการดูแลความสะอาดเพื่อให้ปลอดภัยจากไวรัส พฤติกรรมเหล่านี้เป็นความเคยชินใหม่ ๆ ที่ในอนาคต แม้ว่าจะสิ้นสุดการระบาดของโรค COVID-19 แล้ว แต่ก็ยังอาจก่อเกิดเป็นพฤติกรรมถาวรของผู้คนในระยะยาว ซึ่งหากผู้ประกอบการรู้ว่าเทรนด์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคหลัง COVID-19 มีอะไรบ้าง ก็จะสามารถเตรียมความพร้อมที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมเหล่านี้ไว้ได้แต่เนิ่น ๆ

📌 สิ่งเยียวยาจิตใจ
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจิตจากการระบาดของโรคในครั้งนี้อย่างหยั่งรากฝังลึก ซึ่งล้วนเป็นเหตุมาจากปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความเครียดและความวิตกกังวล ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมพร้อมต่อยอดสินค้าและบริการที่จะช่วยเยียวยาจิตใจให้ผู้บริโภคได้คลายเครียด ยกตัวอย่างเช่น Moxy NYC Chelsea โรงแรมชื่อดังในเครือ Marriott ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการจัดเตรียมวิดีโอ ASMR (Autonomous Sensory Meridian Response) ซึ่งเป็นวิดีโอที่ใช้ในการการกระตุ้นระบบประสาทให้รู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยเสียงสุดพิเศษจาก Whisperlodge นักทำ ASMR ชื่อดัง ไว้ภายในห้องพักเพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

📌 เทคโนโลยีสินค้าเสมือนจริง
การระบาดในครั้งนี้จะทำให้ผู้คนจะหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของการซื้อสินค้าออนไลน์คือผู้ซื้อไม่สามารถเห็นและสัมผัสสินค้าได้จริง เทคโนโลยีสินค้าเสมือนจริงจึงจะเข้ามามีบทบาทกับผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น “Drest” แอปพลิเคชันเกมแต่งตัว ได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นร่วมประกวดสไตล์การแต่งตัว ด้วยการ mix & match เสื้อผ้าจากแบรนด์ Burberry Gucci Prada ฯลฯ บนภาพร่างกายของผู้เล่นเอง โดยหากผู้เล่นชื่นชอบเสื้อผ้าชิ้นใดก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์มาใส่ได้จริง เช่นเดียวกันกับ L’Oreal แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดัง ได้เปิดให้ลูกค้าได้ทดลองแต่งหน้าผ่าน AR Application เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์เสมือนจริงก่อนตัดสินใจซื้อ เป็นต้น

📌 สินค้าสุขภาพ
การแพร่ระบาดในครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำเทรนด์ของสินค้ารักสุขภาพในปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากจะตระหนักถึงความสำคัญของการมีภูมิคุ้มกันที่ดีส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพจะเติบโตเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาและสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน หรือเครื่องออกกำลังกาย เป็นต้น

📌 การขายผ่านระบบอัตโนมัติ (A-Commerce)
ระบบ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ จะถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น จากกระแสการซื้อขายสินค้าแบบไร้สัมผัส (contact-free) ทำให้หุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ในธุรกิจที่ต้องติดต่อและปฏิสัมพันธ์กันอย่างมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Domino’s Pizza ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เริ่มใช้ Nuro’s R1 รถยนต์อัจฉริยะไร้คนขับขนาดเล็กในการจัดส่งพิซซ่าให้ลูกค้าในรัฐเท็กซัส โดยมีคนขับควบคุมจากทางไกล เป็นต้น

📌 บริการส่งเสริมทักษะ
หนึ่งข้อดีของการใช้เวลาว่างที่บ้านในช่วงกักตัวคือโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ด้วยตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การทำขนม หรือการทำความสะอาดและตกแต่งบ้าน ซึ่งกำลังเป็นกระแสนิยมในโซเชียลมีเดีย ข้อมูลเผยว่าผู้คนในวัยเริ่มทำงานจะสนุกกับการเรียนรู้กิจกรรมใหม่ ๆ เหล่านี้ โดยมักเรียนรู้เองจากอินเทอร์เน็ต และเมื่อวิกฤติจบลง พวกเขาจะยังสนุกที่จะทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อไปเพราะมองว่าเป็นความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ผู้ประกอบการจึงควรพัฒนาให้มีบริการที่ส่งเสริมทักษะให้กับผู้บริโภค ตัวอย่างเช่น Equal Parts แบรนด์เครื่องครัว ได้เปิดให้ลูกค้าสามารถส่งคำถามถึงเชฟมืออาชีพเพื่อขอสูตร เคล็ดลับ แรงบันดาลใจ และไอเดียสำหรับการทำอาหารเมนูต่าง ๆ ตามต้องการได้แบบ real time ในเวลาทำการทุกวัน เป็นต้น

📌 ความสะอาดของสินค้าและบริการ
แม้ว่าในอนาคตจะสิ้นสุดการระบาดแล้ว แต่วิกฤติครั้งนี้จะปลูกฝังให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องความสะอาดจนเกิดเป็นมาตรฐานด้านความสะอาดที่สูงขึ้น ผู้ประกอบการจึงควรสร้างความมั่นใจด้านความสะอาดในสินค้าและบริการให้กับลูกค้า ตัวอย่างเช่น Stella McCartney ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นชื่อดังของประเทศอังกฤษ ได้เปิดร้านใหม่ใน Bond street ด้วยระบบกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถกรองมลพิษทางอากาศและควันจากการจราจรได้มากถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น


อ้างอิง:
https://skift.com/…/after-the-virus-10-consumer-trends-for…/
https://www.terrabkk.com/ articles/197757/แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคหลังพ้น-covid-19-กับธุรกิจที่เปลี่ยนไป

🙋‍♂️ 6 เทรนด์ผู้บริโภค ในโลกหลัง COVID-19

ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมไปถึงผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายที่ต้องมีการปรับกลยุทธ์การทำงานให้เหมาะกับสถานการณ์นี้ มีคำถามมากมายที่เกิดขึ้นในใจของทุกคน ว่าถ้าวิกฤติไวรัสโควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่องเป็นระลอก 2-3 กินระยะเวลายาวนานออกไปแบบไม่มีกำหนด ด้วยตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นทุกวันและแนวทางการรับมือด้านการแพทย์ของประเทศไทยแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ผู้ประกอบการอย่างเราควรจะต้อรู้และทำอะไรบ้างเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ พร้อมแล้วมาดูกัน
.
1.ต้องรู้อะไรบ้างในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19?
ควรติดตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องให้ความร่วมมือกันปฏิบัติตามเพื่อเป็นแนวทางป้องกันช่วยบุคคลากรทางการแพทย์ และคอยติดตามสถานการณ์ของประเทศอื่นๆ ในโลกรวมถึงศึกษาวิธีการรับมือและการปรับตัวในการทำงานของเขา เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาประกอบการวางแผนทั้งการทำงานและการเงิน หรือนำมาประยุกต์ใช้กับบริษัทฯ/ลูกค้าของเรา ให้สามารถผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน
.
2.ให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน ต้องทำอีกนานแค่ไหน?
เพื่อลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อไวรัสจากการรวมกลุ่ม อาจใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 เดือน เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ ซึ่งก็อาจที่ให้เกิดความเบื่อบ้าง ขี้เกียจบ้าง รู้สึกถึงความไม่คล่องตัวในการทำงาน ดังนั้นควรเปลี่ยนทัศนคติคือถ้าคิดว่าเราต้องรอด ก็ต้องยิ่งเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารให้บ่อยมากขึ้น ชัดเจนขึ้น มีลายลักษณ์อักษรเพื่อลดความคลาดเคลื่อนของเนื้องาน และหาไอเดียแนวคิดใหม่ๆเพื่อเสนอแผนการทำงานให้กับบริษัทหรือลูกค้าเพื่อให้งานของเขาเดินหน้าต่อไปได้ด้วย
.
3.ถ้ามีมาตรการเคอร์ฟิวออกมาแล้วห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกเคหะสถานต้องทำอย่างไร?
เตรียมของอุปโภคบริโภคให้พร้อมที่เก็บไว้ใช้ได้ 2-3 เดือน เตรียมแผนให้พนักงานทำงานที่บ้าน 100% เรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ทำการศึกษาหาข้อมูลเรียนรู้ที่จะทำงานและประชุมออนไลน์ให้คล่องแคล่ว ซึ่งหาได้ง่ายๆจากทั้งในหนังสือที่สามารถสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์และในระบบ Search engine ต่างๆ
.
4.ทำไมเราถึงต้องเร่งพัฒนาตัวเองในช่วงนี้?
เพราะการพัฒนาตัวเองทำให้เรามีความพร้อมแก้ปัญหาในงาน หารายได้เพิ่มได้ และเมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เราจะเป็นเจ้าแรกๆที่ได้ครองตลาดแบบไม่เจ็บตัวมาก การเสริมทักษะด้านต่างๆ ก็สามารถทได้ง่ายๆ เช่น การอ่านหนังสือเสริมในทักษะที่เราสนใจ เซิร์ทหาข้อมูลและช่องทางการสร้างรายได้ การเรียนคอร์สเรียนออนไลน์ที่มีให้เลือกมากกว่าหมื่นคอร์สทั้งในและต่างประเทศ มีทั้งแบบเรียนฟรีและแบบเสียเงินแล้วแต่เนื้อหาและความน่าสนใจ ซึ่งการทำสิ่งนี้จะทำให้เรามีไอเดียในการแก้ปัญหาให้องค์กรได้ ต่อยอดความรู้ในการสร้างรายได้จากออนไลน์ และการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ให้เงินงอกเงย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้ตัวเราสามารถพัฒนาตัวเองได้สูงสุด
.
5.ตัดค่าใช้จ่ายบริษัทในส่วนที่ไม่จำเป็น
เมื่อเรามีความรู้ที่จะหารายได้เพิ่มแล้ว ในช่วงนี้เราก็ควรที่จะต้องลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นอย่างของที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 พื้นฐานของเราและการทำงานผ่านอออนไลน์นั่นเอง อาจกันเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้อของอุปโภคบริโภคที่เก็บไว้ได้ตลอด 2-3 เดือน วิธีการทำง่ายๆ ก็คือให้จดรายการที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละเดือนอย่างละเอียด ระบุเป็นรายวันและจำนวนยอด ตัดค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญเร่งด่วนออกก่อน
.
6.กันเงินบริษัทไว้ไปฝากธนาคาร
กันเงินประมาณ 15-30% ของรายได้ในแต่ละเดือนนำไปฝากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูง เช่น ธนาคารไทยเครดิต, ธนาคารไทยพานิชย์, ธนาคารไอซีบีซี, ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮาส์, ธนาคาร ธกส และธนาคารธนชาต เป็นต้น
.
7.ศึกษาการลงทุนในสลากออมสิน กองทุน และหุ้น
ตอนนี้หุ้นราคาถูกลงเกือบทุกตัวเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งคนที่ถือพอร์ตลงทุนอยู่ก็คงได้รับผลกระทบไม่มาก็น้อย แต่ไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะถือเป็นโอกาสที่ดีเสมอ เห็นแบบนี้แล้วสำหรับคนที่มือหุ้นอยู่ก็อย่าเพิ่งรีบล้างพอร์ต เพราะเราอาจจะพลาดโอกาสตอนหุ้นขึ้นก็เป็นได้ ตลาดหุ้นมีโอกาสกลับมาเป็นบวกในช่วงที่สถานการณ์ปกติ และช่วงเวลาที่จะได้รับผลตอบแทนมากที่สุดที่จะมาหักล้างกับช่วงที่ขาดทุนได้ ส่วนใครยังไม่มีหุ้นก็ยังไม่ต้องรีบซื้อควรศึกษาก่อนรอให้ตลาดนิ่งกว่านี้สักหน่อย ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องรอจุดต่ำสุดของตลาด ต่อให้เราซื้อแพงกว่านั้นสัก 5%-10% เราก็ยังเหลือจุดที่ปลอดภัยอยู่เช่นกัน
.
ที่มา : MATICHON ONLINE (https://bit.ly/2KcxFUV)

วางแผนการเงินให้ธุรกิจไปรอด ในช่วงโควิด-19

1.การปกป้องพนักงานให้ดีที่สุด
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
บริษัทต่าง ๆ ต้องรักษาธุรกิจให้ดำเนินไปได้ต่อเนื่อง จึงควรจัดทำแผนช่วยเหลือพนักงานตามแนวทางขั้นต่ำ
ที่บังคับใช้ไว้ มีการสื่อสารกับพนักงานอย่างชัดเจน และสื่อสารบ่อยครั้งตามความเหมาะสม
.
2.การจัดตั้งทีมสำหรับเตรียมพร้อมรับมือ COVID-19
ดำเนินการจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเพื่อพร้อมรับสถานการณ์ของโรคระบาดโดยเฉพาะ โดยทีมงานนี้ควรประกอบจากทุกภาคส่วนและมีความเข้าใจในทุกส่วนของบริษัท
.
3.ต้องมั่นใจว่าสุขภาพทางการเงิน พร้อมรับกับพายุลูกนี้ไหม
ธุรกิจจะต้องกำหนดมาตรการที่เหมาะสมรองรับ รวมถึงประเมินตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้และต้นทุน ซึ่งสามารถกำหนดตัวเลขที่ได้จากบทวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญได้ รวมถึงต้องจัดทำแบบจำลอง Business model ซึ่งประกอบด้วยหลาย Scenario และมีการประเมินทั้งกระแสเงินสด งบกำไรขาดทุน งบดุล ในแต่ละสถานการณ์ให้ได้ ตลอดจนประเมินความเสี่ยงเรื่องสภาพคล่อง
.
4.กำหนด Supply chain ที่ชัดเจน
ต้องมีการวางแผนเจรจา หารือกับ ซัพพลายเชน ทั้งซัพพลายเชนที่อยู่ในประเทศที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาด และการเตรียมแผนแหล่งอื่น ๆ ในการสต็อกสินค้า การเตรียมพร้อมขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อวางแผนบริหารจัดการ และหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
.
5.ติดตามพฤตกรรมผู้บริโภค
ผู้นำที่ดีในยุคดิสรัปชั่น (Disruption) คือ คนที่พร้อมลงทุนกับลูกค้าของตนเอง และให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ในประเทศจีน ลูกค้าจะเข้าห้างสรรพสินค้าลดลง แต่เลือกซื้อสินค้าผ่านออนไลน์มากขึ้น และเน้นเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มที่จำเป็น เช่น อาหาร และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ดังนั้นจึงควรขยายช่องทางออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด และสร้างมาตรฐานการขายสินค้าที่ดี ทั้งนี้เมื่อลูกค้ามีความเคยชินกับการเลือกซื้อผ่านออนไลน์ จะกลายเป็น New Normal ของธุรกิจต่อไป
.
6.วางแผนพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
การมองวิกฤตสู่โอกาสครั้งสำคัญ โดยบริษัทควรจำลองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Simulation ของบริษัทที่สำคัญ และจัดประชุมให้ถี่มากขึ้น เพื่อตรวจสอบขั้นตอนในแต่ละด้าน รวมถึงต้องมีผู้ที่ทำหน้าที่ ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เช่น การเตรียมสำรองเงินไว้
.
7.ธุรกิจมีความเข้มแข็งได้ จะต้องเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และประเทศ
บริษัทจะต้องหาแนวทางตอบแทนคืนสู่ชุมชน ทั้ง เงินทุน อุปกรณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ โดยจากวิกฤตของไวรัสแพร่กระจาย ทำให้มีหลายบริษัทเปลี่ยนไปผลิตหน้ากากอนามัย และ แอลกอฮอล์เจล เช่น บริษัทในประเทศเกาหลีใต้ เปลี่ยนมาผลิตแอลกอฮอล์ให้แก่ประชาชน จากเดิมที่เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่ม
.
ติดตามอ่านบทความฉบับเต็ม ได้ที่ :
https://ismed.or.th/SPR080463.php

🔴 7 สิ่งที่จะช่วยพยุงธุรกิจได้ในช่วงวิกฤต COVID-19 🔴

SMEs 4.0 ทำอย่างไรให้อยู่รอดบนโลกออนไลน์

🛍 ยุคนี้เป็นยุคเฟื่องฟูของการขายของออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มาจากไหน หากมีความคิดสร้างสรรค์ในการค้าขาย หรือมีสินค้าที่ดี ก็สามารถเริ่มต้นตั้งร้านขายของเป็นของตัวเองได้บนโลกออนไลน์ ซึ่งบางคนเริ่มมาจากการที่เห็นเพื่อนทำแล้วอยากลอง บางคนแค่อยากหารายได้เสริม แต่กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนต้องยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็มี

🛍 แน่นอนว่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ส่วนใหญ่ก็ย่อมปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงนี้ จากที่เคยขายสินค้าด้วยวิธีปกติ มาเป็นขายผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ นั่นเพราะทุกวันนี้ ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการออนไลน์กันได้แทบทุกคน และมีไม่น้อยที่เห็นว่าการเลือกซื้อของออนไลน์สะดวกกว่าออกไปซื้อที่ห้างเป็นไหน ๆ แถมบางร้านราคาถูกกว่าด้วยซ้ำไป

🛍 การปรับตัวของ SMEs เข้าสู่การเป็นธุรกิจออนไลน์ นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ก็จริง แต่จะอยู่รอดและประสบผลสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เพราะธุรกิจออนไลน์เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ จึงทำให้ตลาดมีการแข่งขันสูง หากลองพิจารณาดูแล้ว มีธุรกิจออนไลน์ที่ขายสินค้าเหมือน ๆ กันอีกจำนวนมาก แล้ว SMEs จะทำยังไงถึงจะพิชิตหัวใจของลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้ วันนี้ DIProm มีวิธีมานำเสนอ

📌 เริ่มแรก ธุรกิจต้องมีความน่าเชื่อถือ ทั้งในแง่ของบริษัท เว็บไซต์และข่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งการสร้างความน่าเชื่อถือนั้นเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้น ๆ เพราะจะส่งผลกับการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยต้องมีการเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจและสินค้าให้ครบถ้วนชัดเจน มีการปรับปรุงข้อมูลตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องมีการบริหารการจัดส่งสินค้าที่ตรงเวลา รวดเร็ว ตรวจสอบสถานะได้ เป็นต้น

📌 ลำดับที่สอง คือการต่อยอดธุรกิจให้มีความแตกต่าง ซึ่งธุรกิจจำเป็นจะต้องทำการสำรวจตลาดดูให้ดีเพื่อวิเคราะห์ว่าจะปรับปรุงสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาดออนไลน์ได้อย่างไร หรือจะนำสินค้าอะไรมาขายเพิ่มเติม ในตลาดตอนนี้มีสินค้าอะไร มากน้อยแค่ไหน โดยอาจจะสมมุติว่าตัวเองเป็นลูกค้าคนหนึ่ง แล้วตั้งคำถามว่า จะซื้อสินค้าชิ้นนี้หรือไม่ แล้วมีจุดเด่นอะไรที่จะทำให้ลูกค้าต้องซื้อกับเรา

📌 สุดท้าย คือการทำกิจกรรมเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง เพื่อผูกใจและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งหากสามารถทำให้ลูกค้าประทับใจและเกิดกระแสการบอกต่อได้ ก็จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยอาจจะเสริมการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ หรือใช้เอกลักษณ์การสื่อสารเฉพาะตัวในการดึงดูดลูกค้า อย่างการสื่อสารด้วยความเฮฮา ตลกขบขัน หรือเน้นสาระความรู้อย่างจริงจังก็ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะทำตาม 3 ข้อข้างต้นแล้วนั้น ก็ต้องห้ามลืมว่าค้าขายออนไลน์เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด SMEs จึงต้องสังเกตตลาดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ทั้งในและต่างประเทศว่าอะไรที่กำลังเป็นกระแส เพื่อที่จะได้เตรียมรับมือ และพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่ง


ที่มา :
https://www.smethailandclub.com/startups-1041-id.html

SMEs 4.0 ทำอย่างไรให้อยู่รอดบนโลกออนไลน์

8 สิ่งที่ธุรกิจต้องรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 สำหรับองค์กรที่จัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ไว้แล้ว คงต้องพิจารณาและนำ ABC plan มาใช้ด้วย
ความกลัว (fear) ความไม่แน่นอน (uncertainty) และข้อสงสัย (doubt) เกี่ยวกับการแพร่กระจายของ coronavirus กำลังส่งผลกระทบต่อการค้าโลก และเริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่าจะก้าวไปสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก
แม้ว่ามีการระบาดของโรคก่อนหน้านี้ อาทิ โรคซาร์ (ปี 2545) ไข้หวัดนก (ปี 2546) ไข้หวัดใหญ่ชนิด H1N1 (ปี 2552) อีโบล่า (ปี 2557) และโรคเมอร์ส (2557) แต่นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ประเด็นด้านสุขภาพส่งผลกระทบรุนแรง และเข้ามาเป็น 1 ใน 10 ของแรงขับเคลื่อนหลักที่สร้างการเปลี่ยนแปลง (a top ten driving force) เป็นอันดับ 2 รองจากดิจิทัลและคอมพิวเตอร์ ตามมุมมองของนักอนาคตศาสตร์ ถือเป็นความท้าทายที่ต้องรับมืออย่างรวดเร็ว
สำหรับองค์กรที่จัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Planning) ไว้แล้ว คงต้องพิจารณาและนำ ABC plan มาใช้ จากเดิมที่เป็น Action plan แผนปฏิบัติการในภาวะปกติ มาสู่ Backup plan แผนสำรองเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ และ Contingency plan แผนฉุกเฉิน กรณีที่ยังไม่สามารถควบคุมภาวะวิกฤติไว้ได้ แต่องค์กรทั่วไปซึ่งน่าจะเป็นส่วนใหญ่คงไม่มีแผนดังกล่าว การจัดการกับกระแสเงินสด (Cash flow) เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
ซึ่งมี 8 สิ่งที่ธุรกิจควรทำ โดยความร่วมมือจากหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญด้านการคาดการณ์อนาคตที่ชื่อว่า Wavepoint บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำอย่าง BCG และ McKinsey ได้แก่
.
1.คัดสรรผลิตภัณฑ์อย่างมีเหตุผล (Product rationalization) มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่ยังพอทำรายได้ ตัดทอนบางส่วนที่ได้รับผลกระทบ จัดลำดับความสำคัญจากผลิตภัณฑ์ที่ยังมีกำไร ยังมีตลาดและส่งออกได้ ขยายการค้าในประเทศให้ได้มากที่สุด โดยลดการพึ่งพิงวัตถุดิบจากแหล่งเดิมที่ได้รับผลกระทบ
.
2.ลงทุนด้านนวัตกรรม (Invest in innovation) แน่นอนยอดขายลดลงและต้นทุนการผลิตอาจจะเพิ่มขึ้น บางธุรกิจคิดจะเลิกจ้างงาน แต่อดีตแสดงให้เห็นว่าหลายบริษัทที่ลงทุนในนวัตกรรมจะกลับมานำตลาดเติบโตได้อีกครั้งหลังการถดถอยสิ้นสุด อย่าทิ้งคนของคุณแต่เปลี่ยนความสูญเสียด้วยการพัฒนาสิ่งใหม่ จากวัฒนธรรมร่วมด้วยช่วยกัน ทุนทางปัญญา และความสามารถของพนักงาน
.
3.มุ่งสู่โลกออนไลน์และดิจิทัล (Go virtual and go digital) นี่เป็นโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เริ่มจากกระบวนการขายและการตลาดออนไลน์ จากนั้นขยับสู่กระบวนการทำงานภายใน การประยุกต์ใช้คราวด์ทำให้บางองค์กรพบว่าการทำงานที่บ้านได้ผลดีไม่ต่างจากการให้พนักงานเดินทางมาที่สำนักงาน
.
4.ลงทุนด้านผลิตภาพ (Invest in productivity) นอกเหนือจากการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เพื่อหลีกหนีการโดนดิสลัพท์แล้ว การปรับเปลี่ยนระบบงานภายในสู่ดิจิทัล การทำให้เป็นอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ จะทำให้บริษัทแข่งขันและสร้างคุณค่าได้อีกครั้ง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นกลับมาร้อนแรง
.
5.สื่อสารกับลูกค้า (Communicate with your customers) การพูดคุยอย่างเปิดเผยโปร่งใสถึงความกังวลใจกับลูกค้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จะสังเกตว่าหลายองค์กร หลายอาคารสถานที่ กำหนดมาตรการทำความสะอาด คัดกรอง และตรวจสอบประวัติผู้ที่เกี่ยวข้อง และสื่อสารเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
.
6.ดูแลเอาใจใส่พนักงาน (Take care of your workforce) เพราะอาจไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ถ้ามีพนักงานบางคนป่วยติดเชื้อ นั่นหมายถึงคนอื่นๆ ในองค์กรจำเป็นต้องโดนกักตัวเพื่อดูอาการไปด้วย ดังนั้นสื่อสารวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดกับพวกเขา กระตุ้นพนักงานให้ใส่อุปกรณ์ป้องกันไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย การล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลให้บ่อยครั้ง และสวมถุงมือ (ถ้าจำเป็น)
.
7.กลับไปหารือกับชุมชน (Give back to your communities) ไม่ใช่แค่ในอาคารสถานที่ทำงานของเราเท่านั้น บางองค์กรอาจจำเป็นต้องทำกิจกรรมร่วมกับผู้นำชุมชนรอบข้างให้ตระหนักและเห็นถึงวิกฤตร่วมกัน อะไรที่องค์กรเราสามารถส่งเสริมสนับสนุนได้ ควรแบ่งปันและให้ความช่วยเหลือ
.

8.คิดไปข้างหน้า (Think ahead) ไม่มีวิกฤติใดที่อยู่ถาวร Covid-19 ก็เช่นกัน เมื่อนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ สามารถจะรักษาและพัฒนาวัคซีนได้ ทุกคนก็จะวางใจและกลับมาสู่การใช้ชีวิตปกติ การค้าและการแข่งขันก็จะกลับมาดังเดิม ดังนั้นแผนฟื้นฟู (Recovery plan) ต้องจัดทำไว้ล่วงหน้า
.
ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ยังไม่นิ่งและไม่สามารถคาดการณ์ว่าจะสิ้นสุดเวลาใด นอกจากมาตรการให้พนักงานทุกคนระมัดระวังและดูแลรักษาตัวเองแล้ว พนักงานควรร่วมกับผู้บริหารขององค์กรช่วยกันหามุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับอนาคต เหตุการณ์นี้ยังบ่งบอกว่า การคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตและการสร้างทางเลือกทางรอดในภาวะวิกฤติ (Foresight and Scenarios) ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรอบด้านและมากพอ จะช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอนได้

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (https://bit.ly/2w5XVwH)

8 สิ่งธุรกิจควรทำ รับมือ COVID-19

        ผู้ประกอบการกับภาษีเป็นเรื่องที่ต้องมาคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งภาษีนั้นมีหลากหลายประเภททำให้แต่ละธุรกิจมีรูปแบบการเสียภาษีที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรทำความเข้าใจภาษีแต่ละประเภทให้ดี เพราะหากพลาดไปอาจส่งผลเสียกับธุรกิจของคุณได้ วันนี้สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ จึงได้แนะนำ 4 ภาษีธุรกิจเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องรู้มาฝากกัน! เพื่อให้การทำธุรกิจของคุณนั้นคล่องตัว และสามารถจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างไร้กังวล
        1. ภาษีเงินได้
             พูดง่ายๆ ก็คือภาษีทางตรงที่เก็บจากผู้มีรายได้ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตามลักษณะของผู้เสียภาษี คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี หรือผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งประกอบกิจการด้วยการให้บริการ การผลิต ค้าปลีก หรือค้าส่ง จะต้องนำรายได้ในส่วนนั้นมาคำนวณ เพื่อหักภาษีตามเกณฑ์การประเมิน หรือเลือกหักแบบเหมาจ่ายได้ รวมถึงหักค่าลดหย่อนต่างๆ อีกด้วย ซึ่งจะต้องยื่นภาษี 2 ครั้งต่อปี โดยภาษีครึ่งปีใช้ ภ.ง.ด. 94 และภาษีเงินได้ประจำปีใช้ ภ.ง.ด.90 ที่ต่างจากบุคคลธรรมดาที่ทำงานประจำ และมีรายได้ทางเดียวจากเงินเดือน จะยื่นแค่ครั้งเดียวเป็นภาษีเงินได้ประจำปีใช้ ภ.ง.ด.91
             ภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนนิติบุคคล ในรูปแบบของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยกรมสรรพากรเป็นผู้จัดเก็บเพื่อนำส่งรายได้ให้รัฐบาล เก็บในอัตราสูงสุดไม่เกิน 20% ของกำไรสุทธิ ต้องเสียภาษี 2 ครั้ง ต่อปี โดยภาษีเงินได้ครึ่งปีใช้ ภ.ง.ด. 51 และภาษีเงินได้ประจำปีใช้ ภ.ง.ด.50
            2. ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
                เป็นการ “หัก ณ ที่จ่าย” ถ้ามีการจ่ายเงินเกิดขึ้น ผู้ประกอบการต้องจ่ายเงินภาษีตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับว่าเงินนั้นจ่ายให้ใคร และจ่ายค่าอะไร เช่น ผู้ประกอบการต้องจ่ายเงินเดือนให้ลูกจ้าง โดยก่อนจ่ายต้องคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายไว้ก่อน แล้วหักออกจากเงินเดือน เพื่อนำเงินนั้นไปนำส่งสรรพากร เป็นการทยอยจ่ายภาษีให้ไม่ต้องจ่ายภาษีเป็นเงินก้อนใหญ่ทีเดียวตอนปลายปี โดยจะได้ “หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย” ไปใช้ขอคืนจากรัฐตอนสิ้นปี หรือลดภาระภาษีได้ถ้าเป็นการหักเป็นบุคคลธรรมดาใช้ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.2 และ ภ.ง.ด.3 ถ้าเป็นนิติบุคคลต้องใช้ ภ.ง.ด.53 และภ.ง.ด.54
             3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
                  หรือที่รู้จักกันในนามของ VAT คือ ภาษีที่เก็บเพิ่มจากราคาสินค้าหรือบริการที่ตั้งไว้ในตอนแรก โดยผู้ประกอบจะเพิ่มมูลค่าภาษีเข้าไปจากราคาขาย ซึ่งปัจจุบันคิดอยู่ที่อัตรา 7% โดยผู้ประกอบการที่จะสามารถจดทะเบียนเข้าไปอยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มได้นั้น จะต้องเป็นธุรกิจหรือผู้ให้บริการประเภทต่างๆ ที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 1.8 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ว่ากิจการนั้นจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ฯลฯ ที่จะต้องนำส่งให้กับสรรพากรในเวลาที่กำหนด
             4. อากรแสตมป์
                 สำหรับอากรแสตมป์คือ ภาษีประเภทหนึ่งตามประมวลรัษฎากร ซึ่งจัดเก็บในรูปของดวงแสตมป์ที่ใช้สำหรับปิดบนเอกสารราชการและหนังสือสัญญาต่างๆ จะต้องเสียเมื่อทำธุรกรรมบางอย่าง เช่น สัญญาเช่าที่ เช่าซื้อ จ้างทำของ หรือการกู้ยืมเงิน เป็นต้น โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีคือ ผู้ให้เช่าหรือผู้ให้กู้ ซึ่งเลือกชำระเป็นอากร ที่สามารถซื้ออากรแสตมป์ได้ที่สำนักงานสรรรพากรในพื้นที่ใกล้บ้าน หรือชำระเป็นเงินสด ในตราสารบางประเภท แต่ต้องขออนุมัติจาก อ.ส.4 ก่อน

ที่มา : กรมสรรพากร. และ www.nea.ditp.go.th




4 ภาษีธุรกิจ สิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องรู้!

          ถึงแม้จะมีกลยุทธ์การตลาดที่ดีเพียงใด แต่ถ้าลูกค้าไม่มีความไว้วางใจและไม่เชื่อใจในแบรนด์แล้ว ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ 
          ความไว้วางใจ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน แต่เราจะมีวิธีสร้างความไว้วางใจได้อย่างไร
          “ความไว้วางใจ” เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการ โดยเฉพาะในการทำธุรกิจนั้นเรื่องของความไว้วางใจเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะหากลูกค้าไว้วางใจและเชื่อใจในแบรนด์แล้วพวกเขาย่อมจะเกิดความรู้สึกอยากสนับสนุน กลับมาซื้อสินค้าและบริการที่เขาไว้วางใจเรื่อยๆ และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะรักแบรนด์แบรนด์นั้นอย่างแน่นอน
          ความจริงใจนี้ สามารถแสดงออกได้หลายอย่าง เช่น การเปิดเผยข้อมูลโดยละเอียด ครบถ้วน ถูกต้อง ซึ่งเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคมักจะอ่านรายละเอียดต่างๆ ที่เขียนไว้บนตัวสินค้าเพิ่มมากขึ้น และอยากรู้ที่มาของสินค้าอย่างละเอียด ซึ่งทำให้หลายแบรนด์ถึงกับมีการติด QR Code บนแพ็กเกจจิ้ง เพื่อให้ผู้บริโภคสแกน QR Code อ่านข้อมูลที่มาของสินค้า นอกจากนี้ การที่ผู้บริโภคต้องการความจริงใจนี้ ยังทำให้หลายแบรนด์ต้องปรับตัวเอง ไม่ยัดเยียดโฆษณาขายสินค้าอย่างเดียว แต่หันมาทำตัวเป็นคนคอยให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้ามากกว่า และหากสังเกตจะเห็นว่าผู้บริโภคชอบอ่านรีวิวสินค้าโดยคนอื่นๆ มากกว่าการที่แบรนด์ออกมาพูดเอง เพราะมองว่ามีความน่าเชื่อถือกว่าที่แบรด์จะเป็นคนพูดเอง นี่จึงทำให้เราเห็นการรีวิวสินค้าเพิ่มมากขึ้น และแบรนด์ก็ใช้วิธีนี้ในการทำการตลาด
          อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสของโซเชียลมีเดีย ที่สามารถแพร่กระจายข่าวสารเรื่องราวต่างๆ ทั้งง่ายและเป็นไปได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเหมือนดาบสองคมให้กับแบรนด์ การที่แบรนด์มีความจริงใจอย่างเปิดเผย จนทำให้ผู้บริโภครู้สึกดีและรักแบรนด์ ก็จะกลายเป็นกระบอกเสียงชั้นดีในการบอกเล่าความรู้สึกดีๆ นั้นไปให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่แบรนด์เกิดความผิดพลาดจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องถูกถล่มผ่านโซเชียลอย่างแน่นอน ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นอย่างเนืองๆ ซึ่งหากสังเกตในหลายๆ กรณีจะเห็นว่า แต่ละแบรนด์จะมีวิธีการรับมือวิกฤตบนโซเชียลมีเดียที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ ผู้บริโภคมักเรียกร้องให้แบรนด์ที่ทำผิด ตรวจสอบหาสาเหตุและออกมาขอโทษ ซึ่งหากแบรนด์เลือกที่จะยอมรับ ขอโทษ พร้อมที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วยความจริงใจ ก็จะทำให้กระแสด้านลบบรรเทาเบาบางลงได้ แต่ถ้าบางแบรนด์เลือกที่จะไม่ชี้แจงอะไรรอให้เรื่องเงียบหายไปเอง หรือชี้แจงล่าช้า ภาพลักษณ์ของแบรนด์ก็จะติดลบในทันที ดังนั้น เมื่อสิ่งที่ลูกค้าต้องการจากแบรนด์คือ ความจริงใจ ก็ควรแสดงความจริงใจนั้นอย่างเปิดเผยด้วยเช่นเดียวกัน
 

ที่มา : www.smethailandclub.com

ความจริงใจนั้นยั่งยืนกว่า

ข้อดีของสมุนไพรรสขม "ฟ้าทะลายโจร" มีดังนี้เลยค่ะ

1.ต้านไวรัส โดยเฉพาะไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ
2.แก้อาการติดเชื้อ เช่น ท้องเสีย กระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ
3.แก้อาการอักเสบ เช่น อาการไอ เจ็บคอ ร้อนใน ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ

เพื่อนๆ ห้ามกินเยอะจนเกินไปนะคะ เพราะอาจเกิดผลเสียได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก >> https://bit.ly/3aL3UFX

#SMAE GO ความรู้คู่ทุน#
#ธกส #เป็นมากกว่าธนาคาร #เป็นมากกว่าที่คิด

ข้อดีของสมุนไพรรสขม "ฟ้าทะลายโจร

          เมื่อความน่าเชื่อถือและความเชื่อใจ รวมถึงความปลอดภัย เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้เป็นตัวชี้วัดในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์หรือเลือกใช้บริการ เครื่องหมายรับรองมาตรฐานต่างๆ จึงเข้ามามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
          ก่อนหน้านี้ เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. นั้น ครอบคลุมสินค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เหล็ก และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่เมื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) รวมถึงวิสาหกิจชุมชน เริ่มปรับตัวและพัฒนาการผลิตสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถทางการแข่งขันในโลกการค้า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จึงได้ออก “มอก.เอส” หรือ มาตรฐานอุตสาหกรรมเอส ขึ้นมา เพื่อช่วยให้คนตัวเล็กได้มีเครื่องหมายการันตีและรับรองมาตรฐานให้กับสินค้าและบริการ และเพิ่มความมั่นใจต่อผู้ซื้อ ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการดังกล่าวมีมาตรฐานที่ดี มีคุณภาพ และมีความปลอดภัย

          ทั้งนี้ มอก.เอส จะเป็นการกำหนดมาตรฐานการผลิตในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมถึงบริการด้านต่างๆ (มาตรฐาน มอก.เอส) เช่น มอก.เอส 1-2561 ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสำหรับโรมแรมและที่พักสาธารณะ, มอก.เอส 6-2561 เสื้อกีฬา, มอก.เอส 13-2562 สบู่ก้อนผสมสมุนไพร, มอก.เอส 24-2561 การบริการซ่อมบำรุงและล้างเครื่องปรับอากาศ, มอก.เอส 25-2561 การบริการนวดและสปา และ มอก.เอส 79-2562 การบริการร้านกาแฟ เป็นต้น

       และเพื่อช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าและบริการที่มีอยู่ในมือ ผู้ประกอบการ SME สามารถขอใช้เครื่องหมายรับรอง มอก.เอส ได้ โดย …
       1. ยื่นคำขอ
           ผู้ประกอบการยื่นคำขอใบรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) สำหรับผลิตภัณฑ์ หรือ ใบรับรองระบบคุณภาพตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส  สำหรับบริการ ณ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเอกสารหลักฐานแสดงตน เช่น
           - สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ในกรณีผู้ขอรับใบรับรองเป็นบุคคลธรรมดา หรือ
           - หนังสือรับรอง หรือสำเนาใบสำคัญของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แสดงชื่อผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคคล ในกรณีผู้ขอรับใบรับรองเป็นนิติบุคคล และ
           - สำเนาใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือหนังสืออนุญาตประกอบกิจการโรงงาน
        2. แสดงเอกสารเพิ่มเติม สำหรับการตรวจสอบผลิตภัณฑ์/บริการ
            นอกเหนือจากเอกสารหลักฐานแสดงตนแล้ว ผู้ยื่นคำขอ ยังต้องแสดงเอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี) ได้แก่ เอกสารหลักฐานแสดงผลความเป็นไปตามเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้
            รายงานผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ จากหน่วยตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่สำนักงานยอมรับ ทั้งนี้ ต้องมีอายุไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่ลงนามรับรองรายงานผล
             เอกสารแสดงระบบการควบคุมคุณภาพ อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
             (ข.1) รายงานผลการประเมินระบบควบคุมคุณภาพของโรงงานที่ทำผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีอายุไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่ผลการประเมินระบบควบคุมคุณภาพ เป็นไปตามข้อกำหนดจนถึงวันที่ยื่นคำขอ
            (ข.2) ใบรับรองระบบบริหารงานคุณภาพตาม มอก. 9001 หรือ ISO 9001 หรือใบรับรองตามมาตรฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับรองระบบควบคุมคุณภาพ จากหน่วยงานที่สำนักงานยอมรับและยังไม่สิ้นอายุ
            (ข.3) ใบรับรอง HACCP จากหน่วยงานที่สำนักงานยอมรับ และยังไม่สิ้นอายุ
            (ข.4) ใบรับรอง GMP จากหน่วยงานที่สำนักงานยอมรับ และยังไม่สิ้นอายุ
            ทั้งนี้ ในกรณีผู้ยื่นคำขอ ไม่มีเอกสารตามหัวข้อ “เอกสารเพิ่มเติม (ถ้ามี)” สมอ. จะทำการเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจสอบ และ/หรือ ตรวจประเมินระบบคุณภาพของโรงงาน

             หมายเหตุ เอกสารเพิ่มเติม ที่ต้องทำการยื่นขึ้นอยู่กับประเภทใบรับรองที่ยื่นขอ (ดูรายละเอียดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับรองเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์ / บริการ)

        3. เจ้าหน้าที่พิจารณาออกใบรับรอง
เมื่อได้รับคำขอ เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ และระบบควบคุมคุณภาพของโรงงานผลิตว่าผ่านตามเกณฑ์การพิจารณาหรือไม่ โดยจะดำเนินการ ดังนี้

หากผลการพิจารณาเป็นไปตามเกณฑ์ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะออกใบรับรอง
หากผลการพิจารณาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมจะแจ้งคืนคำขอ
ใบรับรองมีอายุ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบรับรอง
เพียงเท่านี้ก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้าได้แล้ว ว่าถ้าเห็นเครื่องหมาย มอก.เอส ที่ไหน รับรองได้ว่า สินค้าหรือบริการนั้นดี ปลอดภัย และได้มาตรฐานแน่นอน!

ขอขอบคุณที่มา : smeone


ขั้นตอนง่ายๆ ยื่นขอ มอก.เอส ถูกใจ SME ได้ใจลูกค้า!

ผู้ประกอบการ(นิติบุคคล) ผู้ประกอบการ(บุคคล) กลุ่มบุคคล วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ (Strengthen S3) ธ.ก.ส. พร้อมเป็นที่ปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา หาทางออก ด้วยมาตรการให้ความช่วยเหลือ

สอบถามเพิ่มเติม โทร 0-2555-0555
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก>> https://bit.ly/2WhP31N
#ธกส #เป็นมากกว่าธนาคาร #เป็นมากกว่าที่คิด


ธ.ก.ส. พร้อมเป็นที่ปรึกษา ช่วยแก้ปัญหา หาทางออก ด้วยมาตรการให้ความช่วยเหลือ

ถึงแม้เกษตรกรรมจะเป็นอาชีพหลักที่สำคัญของประเทศไทยมาโดยตลอด แต่ในช่วงที่ผ่านมา เด็กรุ่นใหม่มีการโยกย้ายเปลี่ยนถิ่นฐานมาทำงานหากินในเมืองกันมากขึ้น 

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ‘เกษตรกรรม’ กลายเป็นอาชีพของคนรุ่นเก่าที่ไม่อาจเย้ายวนใจสำหรับเด็กรุ่นใหม่ในสมัยหนึ่ง 

แต่ถ้าเราลองมาคิดกันอีกทีหากเราลองย้อนมาดูความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน คนรุ่นนี้จะมีความแตกต่างจากรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือปู่ย่าตายายพอสมควร คนรุ่นใหม่ไม่ได้ยึดติดอยู่กับงานประจำหรือฝักใฝ่ในความมั่นคงเสมอไป แต่การที่ได้มีอิสระ ได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากใช้ต่างหาก คือคำตอบที่คนรุ่นใหม่กำลังตามหา

วันนี้เรามาดูกันดีกว่า ‘เกษตรกรรม’ พอจะเป็นคำตอบดี ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่นี้ได้หรือเปล่า?

งานประจำที่ไม่ตอบโจทย์: โลกของการทำงานประจำไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเสมอไป เพราะหลายครั้งตัวกำหนดก็เป็นทางฝั่งองค์กรมากกว่าที่จะเป็นตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการต้องทนทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ทำงานในตำแหน่งที่ตัวเองไม่ได้รัก หรือในสภาวะที่ไม่สามารถเติบโต ไม่ว่าอะไรก็ตาม แต่ในเชิงเกษตรกรรม เราสามารถสร้างสรรค์ธุรกิจที่ตอบโจทย์ของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบธุรกิจหรือตัวผลิตภัณฑ์เอง

ชีวิตในเมืองใหญ่: ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ใช่วิถีที่น่าอภิรมย์สักเท่าไรนัก มีรายงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคนกรุงฯ ต้องใช้เวลาอยู่บนรถมากถึงวันละ 4 ชั่วโมง ยังไม่นับการขนส่งสาธารณะยังไม่สามารถอำนวยความสะดวกหรือตอบสนองความต้องการของคนกรุงฯ ได้อย่างเพียงพอ รวมถึงมลภาวะทางฝุ่นควันและเสียง ทำให้หลายครั้งคนวัย เกษียณเลือกที่จะหนีเมืองใหญ่แล้วออกไปใช้ชีวิตที่ต่างจังหวัด แล้วคุณล่ะ จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถย้อนกลับไปชีวิตที่ต่างจังหวัดได้เสียแต่เนิ่น ๆ หรือถ้าเราลองสังเกต เราจะเห็นเลยว่า การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่มักมีค่าครองชีพที่สูงกว่าต่างจังหวัดอยู่แล้ว แถมดัชนีค่าครองชีพของกรุงเทพฯ ก็สูงเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน (เป็นรองแค่สิงคโปร์) โดยค่าอาหาร และค่าเช่าบ้าน เป็นค่าครองชีพสูงขึ้นมากหากเปรียบเทียบกับรายได้ที่ได้รับ

รายได้: ถึงแม้เราจะไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเกษตรกรรมจะสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงแบบงานประจำหรือทำเงินมหาศาลแบบธุรกิจที่รุ่งเรือง แต่พอเป็นเรื่องของการทำเกษตรกรรม ก็ใกล้เคียงกับการทำธุรกิจตัวเอง มันขึ้นอยู่กับแนวทางการบริหารธุรกิจในแบบของคุณ หากมีแนวคิดที่ดี มีการปรับใช้ชุดความรู้และนวัตกรรมใหม่ และได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสม ผนวกกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง การทำเกษตรกรรมก็จะช่วยสร้างรายได้ให้คุณได้ไม่ยาก และที่สำคัญเหมือนเป็นภารกิจสำคัญที่จะวัดรายได้จากความสามารถได้ด้านต่าง ๆ ของคุณจริง ๆ

ชีวิตอิสระ: ทั้งหมด ทั้งมวลนี้ คงไม่มีอะไรจะตอบโจทย์ไปได้ดีกว่า การได้ใช้ชีวิตแบบอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน พื้นที่อยู่อาศัย หรือไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

เห็นไหมล่ะครับ ถ้าเปิดใจสักนิด การทำเกษตรกรรมอาจจะเป็นคำตอบที่ดีของคนรุ่นใหม่ก็ได้! 

สุดท้ายนี้หากท่านไหนสนใจ ทางเราก็มีตัวช่วยดี ๆ จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. มานำเสนอ อย่างสินเชื่อสานฝันเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพเกี่ยวกับภาคเกษตรที่นำเอานวัตกรรมการเกษตรหรือสิ่งใหม่ ๆ มาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาต่อยอดในการประกอบอาชีพ นับว่าเป็นสินเชื่อดี ๆ ที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/2Syh69y 

แล้วคุณล่ะ คิดว่าเกษตรกรรมเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคนรุ่นใหม่แล้วหรือเปล่า มาร่วมส่งต่อประสบการณ์กันหน่อยดีกว่า

เขียน: ชัยยะ ฤดีนิยมวุฒิ

ภาพ: พิสชา ธนวนิชนาม

ทำไม ‘เกษตรกรรม’ ถึงอาจเป็นคำตอบที่คนรุ่นนี้ตามหา


จากเนื้อหาที่ BrandThink ร่วมกับ ธ.ก.ส. หรือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้เชิญชวนท่านที่สนใจ ชื่นชอบทางการเกษตรไปทำอาชีพเกษตรกรรมกัน วันนี้เราจะมาดูกันครับว่า ถ้าหากใครบางคนอยากหนีเมืองใหญ่แล้วออกไปทำสวนจริง มีประเด็นไหนต้องสนใจกันบ้าง 

เพราะนอกเหนือจากการได้ทำการเกษตรแล้ว เรายังได้หนีเมืองใหญ่ ได้กลับบ้านเกิด ได้ออกไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดที่อาจเป็นความฝันของใครหลายคน เอาเป็นว่า หากใครเบื่อเมืองใหญ่ แล้วกำลังจะหันเหชีวิตออกไปทำสวน เราลองมาเช็กตัวเองก่อนว่ามีความพร้อมเบื้องต้นจาก 4 ประเด็นนี้แล้วหรือยัง? เตรียมตัวไว้ มีความเปลี่ยนแปลงอะไรจะได้ปรับตัวทันนะ!

ความเข้าใจ: ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า การทำการเกษตรไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ไปปลูกผัก ทำสวน แล้วนำไปขายก็จะอยู่รอดได้ ถึงแม้จะบอกว่าเป็นชีวิตที่มีความสุขกว่าแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เหนื่อย เพราะฉะนั้นความเข้าใจในเรื่องของการทำการเกษตรเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากอยากเตรียมอะไรให้พร้อม ก็ต้องเปิดใจ พร้อมรับมือกับความแตกต่างด้วย

ความพร้อม: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแหล่งเงินทุน พื้นที่ดี ช่องทางการตลาด ก่อนจะเริ่มทำจริง เราต้องเตรียมพร้อมให้ดี เพราะการทำเกษตรก็ใกล้เคียงกับการทำธุรกิจ เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก อย่างที่เราบอก มันไม่ใช่เรื่องง่าย เตรียมตัวให้ดี กว่าผลผลิตจะออกดอกออกผล การโปรโมต การแปรรูป การทำบรรจุภัณฑ์ และอีกมากมายที่เราต้องเตรียมความพร้อมก่อนที่จะวิ่งหนีเมืองกันจริง ๆ 

ความรู้: ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากครับ การทำเกษตรกรรมจำเป็นต้องพึ่งพาความรู้อย่างมหาศาล หากใครยังไม่มีประสบการณ์ ความรู้ก็ยิ่งสำคัญขึ้นไปอีก ไม่ใช่ความรู้ในเชิงเกษตรกรรม เรื่องของพันธุ์พืชการปลูก หรือการเก็บเกี่ยว แต่รวมถึงความรู้ในเชิงธุรกิจ เทคโนโลยี และการตลาดอีกด้วย

ความอดทน: อาจจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยก็ได้ ถึงแม้การทำการเกษตรจะช่วยให้คุณหนีเมืองใหญ่ได้จริง แต่ไม่ได้แปลว่าทุกสิ่งจะสวยงามดังฝัน ความอดทนก็เป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้ความฝันของคุณสำเร็จและเกิดขึ้นได้จริง

อย่าลืมว่า หากใครจะหนีเมืองไปทำความฝันกันจริง อย่าลืมพิจารณา 4 เงื่อนไขสำคัญนี้ด้วยนะ!

สำหรับเกษตรรุ่นใหม่หรือท่านไหนสนใจในเรื่องของเกษตรกรรม ธ.ก.ส. ก็มีสินเชื่อดี ๆ อย่าง สินเชื่อสานฝันเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพเกี่ยวกับภาคเกษตรที่นำเอานวัตกรรมการเกษตรหรือสิ่งใหม่ ๆ มาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาต่อยอดในการประกอบอาชีพ โดยสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/2Syh69y



เขียน: ชัยยะ ฤดีนิยมวุฒิ
ภาพ: ดุลยวัต ตรีทศเดช



หนีเมืองไปทำสวน! 4 เงื่อนไขสำคัญ ที่ทำให้ความฝันครั้งนี้เกิดขึ้นจริง

น้องหอมมะลิมีสูตรทำน้ำหมักชีวภาพ ‘สูตรน้ำแม่’ มาฝากพี่ น้อง เกษตรกรกันค่ะ

น้ำหมักสูตรน้ำแม่ โครงการเกษตรอินทรีย์ 459 ทำมาจากใบ ลำต้นพืช ช่วยในเรื่องการเจริญเติบโตของราก ใบ ลำต้น ใช้กับพืชกินใบก็จะได้ใบงอกงาม โตเร็ว ผักหวานกรอบ ใช้แทนปุ๋ย ช่วยลดการใช้สารเคมี แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยนะคะ

วัตถุดิบ
1.ผักบุ้ง (ใช้ส่วนยอดอ่อน)1 กิโลกรัม
2.หน่อกล้วย 1 กิโลกรัม
3.ใบฉำฉาสด 1 กิโลกรัม (ฉำฉา ก้ามปู จามจุรี คือต้นไม้ชนิดเดียวกัน)
4.กากน้ำตาล 1 กิโลกรัม (ใช้น้ำตาลทรายแดงแทนได้)
5.น้ำสะอาด 10 ลิตร

วิธีทำ
1.หั่นผักบุ้ง หน่อกล้วย (ไม่เอาใบ) ยิ่งหั่นเล็กยิ่งดี จะทำให้ย่อยสลายง่าย (แต่ไม่ต้องสับละเอียด) ส่วนใบฉำฉาให้รูดใช้แต่ใบ
2.ใส่พืชผักจากข้อ 1 ทั้งหมดลงในถัง
3.ผสมกากน้ำตาลกับน้ำสะอาดในถังผสม ใช้ไม้คนให้เข้ากัน
4.เทส่วนผสมกากน้ำตาลกับน้ำสะอาด ลงในถังหมักที่ใส่พืชผักที่หั่นไว้ ใช้ไม้คนๆ กดๆ ให้ใบพืชจมในส่วนผสม
5.ปิดฝาให้สนิท วางไว้ในร่ม รอจนเกิดฝ้าขาว (ประมาณ 7-10 วัน) ก็เริ่มนำมาใช้ได้ ใช้ไม่หมด หมักต่อเนื่องไปได้ ยิ่งหมักนานถึง 3 เดือนขึ้นไป ยิ่งคุณภาพดี
6.น้ำหมักชีวภาพยิ่งหมักนานจะยิ่งมีฝ้าขาวบนผิวหน้า น้ำหมักนั้นยิ่งมีประโยชน์มาก

#SMAE GO คสามรู้คู่ทุน#
#ธกส #เป็นมากกว่าธนาคาร #เป็นมากกว่าที่คิด

ที่มา : ธกส BAAC Thailand

สูตรทำน้ำหมักชีวภาพ

เหนื่อยน้อย ผลผลิตเยอะ! Smart Farming เกษตรยุคใหม่พึ่งพาอาศัยนวัตกรรม

--

การเป็นเกษตรกรแบบธรรมดาอาจไม่เย้ายวนใจ วันนี้เราจะพาทุกท่านมารู้จักคำใหม่ กับคำว่า Smart Farming การทำเกษตรแบบอัจฉริยะ เราจะพาเกษตรกรหรือคนรุ่นใหม่ที่สนใจ มาตั้งคำถามกับตัวเองสักนิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ หรือสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ มีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยหรือยัง

ว่าด้วยเกษตรกรรมเป็นศาสตร์ที่แตกแขนงได้หลากหลาย อย่าง กสิกรรม (การปลูกพืช) ปศุสัตว์ (การเลี้ยงสัตว์บนบก) การประมง (การเลี้ยงจับสัตว์หรือพืชน้ำ) และป่าไม้ (อาชีพเกี่ยวกับป่า) โดยแต่ละประเภทก็แยกย่อยกันไปตามแต่ละประเภทของพืช ประเภทของสัตว์ ที่แต่ละท่านเลือก

เราคงไม่สามารถเจาะจงไปได้ว่าควรเป็นเทคโนโลยีชิ้นไหน การพัฒนาวิจัยในด้านใด การใช้เครื่องมือแบบไหน แต่วันนี้เราจะหยิบยกแนวคิดเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีมาให้ทุกคนได้ลองดูกันครับว่า สิ่งที่ทำหรือกำลังจะทำเหมาะสมแล้วหรือยัง

ไม่จำเป็นต้องราคาสูง: นวัตกรรมบางตัว ถึงแม้มันจะมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากมันมีต้นทุนที่สูงเกินไป หรือมีค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินการเยอะเกินไป มันก็อาจจะไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่ ‘เหมาะ’ กับเกษตรกรรมในแบบฉบับของคุณก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะน่านำไปใช้มากแค่ไหนก็ตาม

ไม่ต้องเลิศล้ำ แต่มีประสิทธิภาพ: อย่าลืมว่า เราเป็นคนทำเกษตรกรรมขนาดเล็กถึงกลางกันเท่านั้น บางทีนวัตกรรมที่เราหยิบยกมาใช้ ควรเป็นนวัตกรรมที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย มีประสิทธิภาพจริง มีประโยชน์จริงเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่เลิศล้ำ หรือนวัตกรรมชั้นสูงสุดไฮเทคก็ได้

แพลตฟอร์มด้านการเกษตร: คำว่าเทคโนโลยี อาจไม่ได้หมายถึงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ใด อุปกรณ์หนึ่ง แต่อาจจะเป็นเพียงซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การทำงานหรือบริหารระบบได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาจจะเป็นแอปพลิเคชัน ที่ทุกท่านสามารถเข้าถึงได้ผ่านมือถือ หรือเป็น IoT Internet of Things ที่ทำให้สิ่งต่าง ๆ ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอปฯ ความรู้ แอปฯ รายงานสถานการณ์แบบ ข่าวด้านการเกษตร และอีกมากมาย!

องค์ความรู้ก็เป็นนวัตกรรมได้: อย่างที่เรากล่าวไปในข้างต้นครับ บางทีนวัตกรรมที่ทุกท่านตามหา อาจจะเป็นองค์ความรู้ดี ๆ ที่เปลี่ยนชีวิตไปเลยก็ได้ เพราะแนวคิดที่ใช่จะช่วยตอบโจทย์ในเกือบทุกด้าน เหนื่อยน้อยลง ผลผลิตเยอะขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยนะ

นวัตกรรมไม่ใช่ทุกอย่าง: ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง เกษตรอัจฉริยะ หรือการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร แต่เราเองก็ต้องขอย้ำว่า ‘นวัตกรรม’ ย่อมไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว มันเป็นเพียงตัวช่วยสำคัญที่จะเข้ามาช่วยทุ่นแรง ลดต้นทุน หรือเพิ่มผลผลิตเท่านั้น หัวใจของการทำเกษตรก็ยังเป็นเรื่องของการศึกษาความรู้ เข้าใจกลไกตลาด การเข้าถึงธรรมชาติของเกษตรกรรมที่เราทำ

สำหรับเกษตรรุ่นใหม่หรือท่านไหนสนใจในเรื่องของเกษตรกรรม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ก็มีสินเชื่อดี ๆ อย่าง สินเชื่อสานฝันเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพเกี่ยวกับภาคเกษตรที่นำเอานวัตกรรมการเกษตรหรือสิ่งใหม่ ๆ มาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการแบบดั้งเดิมหรือพัฒนาต่อยอดในการประกอบอาชีพ นับว่าเป็นสินเชื่อดี ๆ ที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : https://bit.ly/2Syh69y

ขอขอบคุณ : ธกส BAAC Thailand

Smart Farming เกษตรยุคใหม่

ขายของออนไลน์

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่จะต้องเข้าเว็บไซต์หลายๆ เว็บ เพื่อดำเนินการด้านภาษี เป็นอีกหนึ่งความกวนใจที่ผู้ประกอบการหลายคนพบเจอ จะดีกว่าไหม ถ้าสามารถล็อกอินแค่ครั้งเดียว แต่สามารถใช้บริการได้จากทั้ง 3 กรมภาษี ไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ผ่านระบบบริการ Tax Single Sign On (Tax SSO)

            >ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า ระบบบริการ Tax Single Sign On (Tax SSO) คืออะไร?
              ระบบบริการ Tax Single Sign On (Tax SSO) เป็นระบบให้บริการประชาชนด้านภาษีของ 3 กรมภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และ กรมศุลกากร โดยการใช้รหัสผ่านครั้งเดียวในการเข้าสู่บริการของทั้ง 3 หน่วยงาน พูดง่ายๆ ว่า ล็อกอินเพียงครั้งเดียวก็สามารถเข้าสู่บริการด้านภาษีได้ทั้ง 3 กรมนั่นเอง ถือว่าช่วยลดความยุ่งยาก ในการจดจำรหัสผู้ใช้และรหัสผ่านเข้าใช้บริการ และเพิ่มความสะดวกในการให้บริการยื่นแบบและธุรกรรมภาษีของ 3 กรมภาษี ให้กับผู้ประกอบการประเภทนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาได้เป็นอย่างดี

            > ทั้งนี้ กลุ่มผู้ใช้งานระบบแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
               >>ผู้ประกอบการ (Corporate) หมายถึง ผู้ประกอบการประเภทบุคคลธรรมดา หรือผู้ประกอบการประเภทนิติบุคคล ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
               >>ผู้ดูแลสาขา (Admin) หมายถึง ผู้ที่สามารถยื่นแบบรายการภาษี หรือ ทำธุรกรรมภาษีกับ 3 กรมภาษี ตามสิทธิที่ได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบการ และมีสิทธิเพิ่มบัญชีผู้ใช้งานในสาขา พร้อมจัดการสิทธิการทำธุรกรรมภาษีของผู้ใช้งานในสาขาที่ตนเองเป็นผู้สร้าง
               >>ผู้ใช้งานในสาขา (User) หมายถึง ผู้ที่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือ ทำธุรกรรมภาษีกับ 3 กรมภาษี ตามสิทธิที่ได้รับมอบหมายจากผู้ดูแลสาขา

            > ระบบบริการ Tax Single Sign On ให้บริการอะไรบ้าง?
               1. บริการของกรมสรรพากร ได้แก่ บริการยื่นแบบแสดงรายการภาษี จำนวน 13 แบบ ได้แก่ ภ.ง.ด.1/ ภ.ง.ด.2 / ภ.ง.ด.3 / ภ.ง.ด.53 / ภ.ง.ด.50 / ภ.ง.ด.51 / ภ.ง.ด.52 / ภ.ง.ด.54 / ภ.ง.ด.55 / ภ.พ.30 / ภ.พ.36 / ภ.ธ.40 / บ.ช.1 บริการยื่นงบการเงิน และบริการอื่นๆ
               2. บริการของกรมสรรพสามิต คือ บริการ e-Excise ได้แก่ การชำระภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตทุกประเภทสินค้า เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมัน รถยนต์ รถจักรยานต์ เป็นต้น บริการติดตามสถานะแบบรายการภาษี บริการพิมพ์ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์
              3. บริการของกรมศุลกากร คือ บริการ e-Tracking ได้แก่ การตรวจสอบข้อมูลบัญชีสินค้ารายงานพาหนะเข้าออกได้ทุกเวลา การตรวจสอบสถานะใบขนสินค้าได้ทุกเวลา การตรวจสอบสถานะของใบกำกับการขนย้ายสินค้า การตรวจสอบข้อมูลที่มาลงทะเบียนไว้กับระบบทะเบียนผู้มาติดต่อของกรมศุลกากร การตรวจสอบรายการค้างชำระค่าธรรมเนียมศุลกากร สามารถเรียกดูประวัติการชำระค่าธรรมเนียมศุลกากร แสดงข้อมูลสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร การตรวจสอบข้อมูลการโอนเงินคืน เป็นต้น

3 ขั้นตอนสมัครเข้าใช้บริการ Tax Single Sign On

          1) สมัครลงทะเบียนในเว็บไซต์ระบบบริการ Tax Single Sign On
              ผู้ใช้บริการต้องสมัครใช้ระบบบริการ Tax Single Sign On ผ่านอินเทอร์เน็ตบนเว็บไซต์ (http://etax.mof.go.th) และนำ Confirmation Number หรือหมายเลขที่ผู้ใช้บริการได้รับหลังจากลงทะเบียนขอใช้ระบบบริการ Tax Single Sign On เรียบร้อยแล้ว พร้อมเอกสารประกอบการลงทะเบียน ไปยื่นแสดงตัวตนกับกรมสรรพากร หรือกรมสรรพสามิต ภายใน 30 วัน นับถัดจากวันที่ยื่นคำขอใช้ระบบบริการ Tax Single Sign On ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัคร ได้แก่

              แบบฟอร์มสมัครลงทะเบียนที่กรอกเรียบร้อยแล้วพร้อมลายเซ็น
              1.เอกสารข้อตกลงในการยื่นแบบ (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์)
              2.หนังสือมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน)
              3.สำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ (กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน)

          2) สร้างผู้ดูแลสาขา หรือผู้ใช้งานในสาขา
เมื่อได้รับอนุมัติให้ใช้ระบบบริการ Tax Single Sign On ผู้ใช้บริการต้องใช้รหัส One Time Password (OTP) (OTP หมายถึง รหัสที่ใช้ยืนยันตัวตนสำหรับทำรายการต่างๆ ในระบบบริการ Tax Single Sign On ซึ่งระบบจะส่งไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการติดต่อ มีอายุการใช้งานชั่วระยะเวลาหนึ่ง และสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว) ในการสร้างผู้ดูแลสาขา หรือผู้ใช้งานในสาขา เนื่องจากผู้ใช้งานประเภทผู้ประกอบการ ยังไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้ จึงจะต้องสร้างผู้ดูแลสาขาก่อนถึงจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้

          3) แจ้งอีเมลยืนยันการใช้งาน
              ผู้ใช้บริการที่เป็นผู้ดูแลสาขาหรือผู้ใช้งานในสาขา ต้องแจ้งที่อยู่อีเมล (e-Mail Address) เพื่อรับข้อมูล ข่าวสาร จากระบบบริการ Tax Single Sign On หลังจากได้รับอนุมัติการลงทะเบียนแล้ว จะได้รับอีเมลเพื่อเปิดใช้งาน จากนั้นผู้ประกอบการสามารถล็อกอิน เพื่อเข้าใช้งานระบบบริการ Tax Single Sign On ผ่านทางเว็บไซต์ทันที

              จากนี้ไปการดำเนินการในด้านภาษีจะกลายเป็นเรื่องง่ายและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะแค่เว็บเดียวก็สามารถจัดการได้ทุกเรื่องภาษี

ที่มา : www.smeone.info

3 ขั้นตอน สมัคร ยื่น จ่าย ตรวจสอบภาษี ผ่าน Tax SSO

การรู้เทรนด์ล่วงหน้าทำให้ผู้ประกอบการรู้ทิศทางการทำธุรกิจ ส่วนคนที่อยากทำธุรกิจ แต่ไม่รู้จะจับธุรกิจไหนก็ได้คำตอบว่า ควรเลือกทำธุรกิจอะไรถึงจะเป็นที่สนใจของลูกค้า และนี่คือ 4 เทรนด์ธุรกิจมาแรงในปีหนูที่อยากให้ทุกคนได้รู้
.
ธุรกิจสีเขียว : ปีนี้ธุรกิจอาหารปลอดสารพิษและสินค้ารักษ์โลกมาแรงแน่นอน เพราะคนให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสองสิ่งนี้เป็นเคล็ดลับทำให้ลูกค้าภักดีต่อแบรนด์
.
ธุรกิจที่ใช้ AI : ปีนี้นอกจากได้เห็นธุรกิจใช้ AI นำเสนอสินค้าและบริการให้ตรงตามความชอบของลูกค้า และใช้ AI กับ Chatbot เพื่อให้ตอบคำถามได้เหมือนมนุษย์แล้ว ยังจะได้เห็นการใช้ AI กับผู้ช่วยเสมือน เพื่อสร้างการบริการที่ดีเยี่ยม
.
ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ : ธุรกิจนี้น่าสนใจเพราะจะขายอะไรก็ได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าปีนี้จะเจออิฐและปูนขายบนเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ และมีการคาดว่า อีก 4 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดอี-คอมเมิร์ซจะสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
.
ธุรกิจครบวงจร : ลูกค้ายุคนี้เบื่อการสลับหน้าจอหรือสลับแอพพลิเคชั่นไปมาระหว่างช็อปปิ้ง ดังนั้น พวกเขาเลยเมินเว็บไซต์ขายของที่เป็นเช่นนั้น แล้วหันมาช็อปปิ้งบนเว็บไซต์ที่ีทำทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นเลือกซื้อสินค้า แชตกับพนักงาน และชำระเงินผ่านระบบที่มีความปลอดภัย


ที่มา  : www.smethailandclub.com
         : www.facebook.com/SMEStartupFreecopy

4 ธุรกิจมาแรงในปีหนู

Mobile Payment คืออะไร ?
Mobile Payment หรือ “ กระเป๋าเงินดิจิตอล ” คือ การทำธุรกรรมการชำระเงินผ่านเครือข่ายของระบบโทรศัพท์มือถือ โดยใช้สมาร์ทโฟนเพื่อเป็น ตัวกลางในการชำระค่าสินค้า หรือบริการต่าง ๆ โดยเงื่อนไขในการเปิดใช้บริการ M-Payment นั้นจำเป็นต้องทำการลงทะเบียนขอใช้บริการกับทางผู้ให้บริการก่อน หลังจากนั้นระบบจะทำการเชื่อมโยงบัญชีของเราเข้ากับเบอร์โทรศัพท์ ถือเป็นอันเสร็จสิ้น

ซึ่งรูปแบบของ Mobile Payment ที่มีให้ใช้ในปัจจุบันนั้น แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลักๆ ได้ดังนี้

1. ใช้แทนบัตรเครดิตใช้แทนบัตรเครดิต คือใช้งานสมาร์ทโฟนแทนบัตรเครดิต หรือ บัตรเครดิตเสมือน รูปแบบนี้สามารถใช้จ่ายเงินได้เหมือนบัตรเครดิตทุกประการ

2. M-Wallet คือการนำ “ เงินสด ” ใส่เข้าไปในบัญชีอิเล็คทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ต โดยผ่านวิธีการต่างๆ เช่น ซื้อบัตรเติมเงิน โอนเงินจากบัญชีธนาคาร – บัตรเครดิต จากนั้นค่อยนำมูลค่าเงินในบัญชีไปใช้แทนเงินสด

3. Mobile Banking หรือ PromptPay จุดเด่น Mobile Banking คือการที่ผู้ใช้มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีธนาคารอยู่แล้ว ทำให้การนำเงินเข้าไปในระบบนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก แทบไม่ต้องทำอะไรเลย จึงเป็นเหตุผลให้แอพพลิเคชั่นประเภทนี้ได้รับความนิยมสูงสุด

4. บัตรจ่ายเงินเฉพาะทาง รูปแบบนี้จะมีลักษณะคล้าย M-Wallet คือต้องทำการ “ เติมเงิน ” เป็นเครดิตเก็บไว้ก่อน แต่ M-Payment ประเภทนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าสาขาของผู้ให้บริการเท่านั้น ตัวอย่างเช่น Starbucks Card

" ข้อควรระวังในการใช้บริการ Mobile Payment​ "
​หลีกเลี่ยงการตั้ง PIN/Password ที่ง่ายต่อการคาดเดา และต้องเก็บรักษา User ID และ Password ให้เป็นความลับส่วนบุคคล พร้อมทั้งเปลี่ยน Password เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง และไม่ควรละเลย SMS หรืออีเมลที่ได้รับจากธนาคาร​ และควรตรวจสอบยอดเงินคงเหลือทุกครั้งที่มีการชำระเงิน

แหล่งที่มา : Branddoodee
Cr.  กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

#SMAE GO ความรู้คู่ทุน#

Mobile Payment หรือ “ กระเป๋าเงินดิจิตอล ” 

เมื่อคิดถึงปี 2020 สิ่งที่ผู้นำองค์กรควรเตรียมพร้อมมีอะไรบ้าง เมื่อพูดถึงเรื่อง Digital Transformation ในการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัล ทาง The Enterprisers Project ได้เสนอ 8 เทรนด์ที่องค์กรควรเตรียมพร้อม ดังนี้
.
1. "โมเดลการปฏิบัติงานด้วยดิจิทัล ขึ้นมา “ยืนหนึ่ง”
.
CIO (Chief Information Office) หรือผู้บริหารด้านไอทีระดับสูง จำเป็นต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร และสร้างสรรค์โครงสร้างหลักด้านดิจิทัลและความสามารถที่จะเป็นรากฐานเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารที่ยับยั้งหรือต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจะสูญเสียความน่าเชื่อถือต่อบอร์ดและส่งผลกระทบต่อองค์กรในระยะยาว
.
2. “Data” มากขึ้น “ปัญหา” ก็มากตาม
.
ในยุคที่มีทั้งข้อมูลจากมือถือ ข้อมูลจากอุปกรณ์เซ็นเซอร์ ข้อมูลเสียง (Voice Data) ฯลฯ การที่ข้อมูลทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยฟอร์แมตที่หลากหลาย ทำให้ยากในการผสานและสังเคราะห์ให้เกิดขึ้นเป็นอะไรที่มีค่า อย่างไรก็ตาม ปี 2020 ถึงเวลาแล้วที่องค์กรจะต้องลงทุนในการสร้างกลไกและมีเครื่องมือในการจัดการข้อมูลเหล่านี้ เพราะมันคือความจำเป็นในการอยู่รอด อีกทั้งยังมีกฎหมายใหม่ ๆ อย่าง GDPR ในยุโรป (ในไทย ก็กำลังจะใช้ PDPA อย่างเต็มรูปแบบ ช่วงกลางปีนี้) ซึ่งหากไม่มีการวางแผนและจัดการแล้วข้อมูลรั่วขึ้นมา ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหามากมายตามมา ขณะเดียวกัน การเก็บรักษาข้อมูลมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการปฏิบัติตามกรอบกฎหมายเช่นกัน
.
3. อะไร ๆ ก็ต้องใช้ “AI”
.
แม้ข้อมูลอาจจะนำไปสู่การพิพาท แต่การจะนำข้อมูลที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากแมชีน ซึ่ง AI คือกุญแจสำคัญในการสร้างมาตรฐานตลาด Digital Transformation และทำให้การใช้คำว่า "ดิจิทัล" กลายเป็นผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ AI ต้องเข้าไปแทรกซึมทุกฟังก์ชันงาน ตั้งแต่ฝ่ายขายและการตลาด ไปถึง HR และการเงิน การใช้แมชีนเลิร์นนิงและ AI จะทำให้เกิดกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติและลดปัญหาการกำกับดูแลข้อมูล จากการรวมและกลั่นกรองข้อมูลตลอดเส้นทาง และได้ข้อมูลที่พร้อมใช้ในการวิเคราะห์
.
4. การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ “เขย่า” บริการไอที
.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับการควบรวมและซื้อกิจการ (Merger and Acquisition: M&A) ในอุตสาหกรรมบริการด้านไอที (IT Outsourcing Industry) จะกระตุ้นให้ผู้ให้บริการไอทีแบบดั้งเดิมต้องมีตัวช่วยด้านการตลาดดิจิทัลและวิศวกรรมเพื่อให้เกิดศักยภาพใหม่ ๆ ในการบริการลูกค้า ซึ่ง 3 ใน 4 ของการเข้าซื้อกิจการบริษัทเทค 2,200 รายเมื่อปีที่ผ่านมา คือ บริษัทด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ให้บริการโซลูชันด้านดิจิทัล บริษัทด้านวิศวกรรม หรือเอเยนซีด้านดิจิทัล ซึ่งก้าวย่างเหล่านี้ จะปรับเปลี่ยนภาพการทำงานระหว่าง CIO กับผู้ให้บริการที่มารับงาน และจะส่งผลอย่างรุนแรงต่อบรรดา CIO เพราะพวกเขาถูกท้าทายให้ตระหนักถีงการทำงานอย่างสอดประสานกัน ที่สำคัญกว่านั้นคือ การประสานความสามารถด้านดิจิทัลไปสู่สายการผลิต
.
5. “พันธมิตร” ด้าน Digital Transformation ผุดขึ้น
.
ไม่มีเวนเดอร์ที่ทำได้ทุกเรื่อง แม้ว่าเขาจะโชว์เหนือว่าเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร ทำให้เกิดพันธมิตรในการให้บริการขึ้น โดยเราจะพบว่า เวนเดอร์จะผนึกทีมกันในเรื่องการตลาดและการพัฒนาที่มีแบรนด์เฉพาะ ภายในสตูดิโอออกแบบหรือศูนย์นวัตกรรมของพวกเขา ที่ปรึกษาบางรายจะเป็นพันธมิตรที่โชว์จุดแข็งแต่ละด้านของพวกเขาและให้บริการที่เป็นความเชี่ยวชาญในเชิงลึก
.
6. การนำ “Public Cloud” มาใช้ ขยายและขยาย
.
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โฟกัสในการย้ายไปสู่ "คลาวด์" มีทั้ง IaaS, PaaS และ SaaS เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ต้องการยกระดับประสิทธิภาพ สเกล และความยืดหยุ่นของบริการคลาวด์ เพื่อให้การใช้ได้ประโยชน์สูงสุดและลดเวลา โดยปี 2020 นี้ การโฟกัสจะขับเคลื่อนไปสู่เรื่องการทำให้เกิดนวัตกรรมมากขึ้น เพราะผู้ให้บริการคลาวด์ได้สร้างระบบอัตโนมัติอัจฉริยะและความสามารถในการวิเคราะห์, AI และแมชีนเลิร์นนิง, รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เพื่อเร่งให้องค์กรได้นำมาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ โดยผู้บริหารด้านไอทีขององค์กร ต้องเห็นความสามารถของ “Public Cloud” เพื่อเร่งสร้างมูลค่า มากกว่าจะทุ่มทั้งเวลาและเงินกับระบบภายในองค์กร
.
7. “การวัดผล” แบบใหม่เกิดขึ้น
.
Digital Transformation จำนวนมาก ต้องล้มเหลว เพราะไม่มีบูรณาการระหว่างกลยุทธ์ทางธุรกิจและเทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มต้น CIO ขององค์กร จึงต้องรู้ ว่าจะวัดความก้าวหน้าในการทำงานของพวกเขากับ AI และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเป็นดิจิทัลอย่างไร รวมทั้งเข้าใจวิธีการสื่อสารมูลค่าที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตั้งแต่ 2020 นี้ จะมีการพัฒนาเกณฑ์การประเมินที่เป็นระบบมากขึ้นสำหรับโครงการด้านดิจิทัลต่าง ๆ โดยมุ่งไปที่การวัดที่ได้ผลใน 3 กุญแจหลักคือ Velocity (ความเร็วของกระบวนการและความเร็วในการทำงานสำเร็จ) Intelligence (ความสามารถในการวิเคราะห์อัตโนมัติและพัฒนาประสิทธิภาพในการตัดสินใจ) Experience (ประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนให้เกิดผลทั้งทางพฤติกรรมและเศรษฐกิจที่เหมาะสม) 
.
8. ไอทีต้อง “มองยาว” 
.
น่าเสียดายที่ในอดีตโครงการดิจิทัลต่าง ๆ มองกันแต่ความต้องการ ณ ขณะนั้น แต่วันนี้ เราคงต้องทบทวนไปถึงจุดเริ่มต้นกันใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่า โปรเจ็กต์ใหม่ ๆ มันได้ส่งมอบคุณค่าสูงสุดเต็มแม็กซ์หรือยัง ผู้นำด้านไอทีขององค์กร ต้องเข้าใจเรื่อง ‘Insight-first” Innovation คือนวัตกรรมที่ไม่ได้มุ่งเน้นการแก้ปัญหาที่เป็นความต้องการเร่งด่วนเท่านั้น แต่มองไกลถึงการเพิ่มศักยภาพของข้อมูลองค์กรในระยะยาวด้วย
.
ที่มา https://enterprisersproject.com/article/2020/1/8-digital-transformation-trends-2020
.


8 เทรนด์ที่องค์กรควรเตรียมพร้อม

1. บริหารงบที่มีให้ดี เพราะ Cash Flow สำคัญที่สุด!
เพราะ ‘เงินทุนหมด’ คือปัญหาหลักที่ทำให้ Startup หลายแห่งล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็น Startup มือเก่าหรือมือใหม่ สิ่งที่ห้ามลืมเลย ก็คือการทำงบการเงิน และคุมงบให้เดินตามแผนที่วางไว้! เทคนิคคุมงบง่าย ๆ ที่ทำได้คือ ตั้งงบรายจ่ายให้ชัดเจน และบันทึกทุกรายจ่ายให้ครบ

การจำกัดรายจ่ายจะช่วยให้มองเห็นภาพการบริหารมากขึ้น และช่วยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป อย่างในช่วงแรก ๆ ก็ควรมุ่งไปที่ Sales efforts, Marketing and Product development เป็นพิเศษ เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจ ส่วนการบันทึกรายจ่าย จะช่วยให้เรารู้ว่าทุนที่มีถูกใช้ไปกับอะไร และจะช่วยป้องกันไม่ให้เงินไหลได้

 2. ตั้งเป้าหมายให้ไกล แต่ไปถึงได้!
การตั้งเป้าหมายให้ใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าจุดหมายสูงมากไป เป้าที่ตั้งไว้ก็เป็นได้แค่แรงบันดาลใจที่ไปไม่ถึง แทนที่จะตั้งเป้าหมายใหญ่ยักษ์ให้ทีมงานมุ่งไป ลองแบ่ง Goal ออกเป็นจุดย่อย ๆ ที่ดูเข้าถึงได้มากกว่าดู แล้วการเดินทางไล่ล่าจุดหมาย จะดูน่าวิ่งขึ้นมาทันที!

3. เวลาเป็นเงินเป็นทอง
ทุกวินาทีที่ผ่านไป อาจหมายถึงรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น! ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เริ่มจะเสียเวลาแล้ว ก็อย่ามัวเสียดาย ลองเริ่มต้นใหม่ หรือปรับเปลี่ยนอะไรสักหน่อย เผื่อว่าจะเจอทางที่ดีกว่า แล้วเวลาที่มีค่าจะได้ไม่ต้องเสียเปล่า

4. โฟกัสกับการขยายฐานลูกค้า
การขยายฐานลูกค้า คือสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ที่เหล่าสตาร์ตอัพต้องทำ นอกเสียจากว่าคุณจะมีฐานการตลาดที่มั่นคงมาก ๆ เรียบร้อยแล้ว ผู้บริหารควรให้เวลากับส่วนนี้มาก ๆ เพื่อหาว่าอุปสรรคที่กั้นขวางไม่ให้ลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาคืออะไร

แต่ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้บริหารก็ต้องไม่ลืมที่จะเทคแคร์กลุ่มลูกค้าเดิม เพื่อสร้างความประทับใจที่ดีที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายที่ถูกใช้ในการรักษากลุ่มลูกค้าเดิมนั้นน้อยกว่าการหาลูกค้าใหม่เสมอ

5. คิดบวกอยู่เสมอ แต่ก็อย่าลืมเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งในยุคนี้ที่การ Disrupt เกิดขึ้นได้กับทุกวงการ ทุกธุรกิจควรเตรียมหาแผนสำรองเอาไว้เสมอ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ไม่เคยมีการเตรียมตัวที่มากเกินไป สำหรับสถานการณ์ร้าย ๆ

6. อย่าลืมสร้างตัวตนในโลกออนไลน์
เพราะนี่คือยุคของการตลาดออนไลน์! การสร้างตัวตนในโลกออนไลน์จะช่วยให้คนสนใจและรู้จักคุณมากขึ้นได้ สร้างการตลาดที่อิงกับฐานลูกค้า แล้วอย่าลืมใช้คอนเทนต์ในการสื่อสารกับลูกค้าในโลกออนไลน์

7. เสริมทักษะด้านการสื่อสาร
การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพส่งผลดีกับรายรับอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารภายในองค์กร หรือนอกองค์กร ก็ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้ทั้งนั้น โดยการสื่อสารภายในที่ดี จะช่วยให้การทำงานลื่นไหล ทีมงานไม่กดดัน ไม่ติดขัด ในขณะที่การสื่อสารภายนอก หรือสื่อสารไปถึงผู้บริโภค จะช่วยให้ลูกค้ารู้จักและเข้าใจเรามากขึ้นนั่นเอง

ที่มา : https://starthaiup.com/start-your-team-up/7-lessons-for-startup-2020/?fbclid=IwAR1_LsEubD1Tj16pGSyeaT0ittcBW1V46YehxJK-_sNeaJGQkiosGGQWYks

7 บทเรียนสำคัญ ที่เจ้าของ STARTUP ต้องทราบ! ก่อนจะลงสนามในปี 2020

        ปัจจุบันจะเห็นว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่หลบหลีกความวุ่นวายจากสังคมเมือง วิ่งเข้าหาความเป็นธรรมชาติและไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ชาร์ตแบตให้กับตัวเอง โดยการท่องเที่ยวไปตามชนบทต่างๆ ซึ่งนอกจากจะได้สัมผัสความสวยงามจากธรรมชาติแล้ว ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชนบท สัมผัสถึงกลิ่นอายของขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นที่หาดูชมได้ยากยิ่ง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นมนต์เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่สามารถเรียกนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อย่างมาก และแน่นอนว่าธุรกิจ “โฮมสเตย์” ได้รับความนิยมสูงมากในขณะนี้ เพราะนอกจากจะดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยแล้ว ยังเรียกความสนใจกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ดีอีกด้วย

        อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจ “โฮมสเตย์” ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกรายไป เพราะหากไม่ศึกษารายละเอียดในชุมชนอย่างถ่องแท้ หรือขาดการสร้างเอกลักษณ์หรือจุดเด่นให้กับธุรกิจของตนเอง ก็ยากยิ่งที่ธุรกิจ “โฮมสเตย์” ของคุณประสบความสำเร็จได้ ชี้ช่องรวย มีเคล็ดลับเล็กๆ มาฝากเพื่อจะได้นำไปปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้ธุรกิจของคุณมีลูกค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องกันค่ะ
        1.ศึกษาความโดดเด่นของชุมชน เพื่อนำไปสร้างเอกลักษณ์ความต่างของโฮมสเตย์
        2.หากิจกรรมที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติหรือลงมือทำ
        3.การจับมือร่วมกับคนในชุมชนหรือพื้นที่ใกล้เคียง
        4.การทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง

วิธีการดำเนินงาน
        1.ปรับและพัฒนาสภาพแวดล้อมและที่พัก (ทั้งนี้เงินลงทุนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพร้อมของสถานที่)
        2.เครื่องนอนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
        3.ประชุมลูกทีมเพื่อจัดเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มธุรกิจและจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวของธุรกิจโฮมสเตย์

ข้อเสนอแนะ
        การทำธุรกิจโฮมสเตย์ไม่ใช่เรื่องง่ายขึ้นอยู่กับความพร้อมในหลาย ๆ ด้านของท้องถิ่น แม้ในจังหวัดหลายจังหวัดและในพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวหลายแห่งก็อาจไม่สามารถดำเนินธุรกิจโฮมสเตย์ได้ ทั้งนี้ปัญหา/อุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น ได้แก่ การขาดเงินลงทุน ประสบการณ์ ความเข้าใจและการเรียนรู้จิตใจของนักท่องเที่ยวและของบุคลากรในทีม ตลอดจนการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชน ในท้องถิ่น (เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธกส.) การประชาสัมพันธ์ พื้นที่ ภูมิอากาศความปลอดภัย ฯลฯ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพิจารณาวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านนี้ให้แน่ใจก่อนที่จะลงทุนในธุรกิจด้านนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : SME ชี้ช่องรวย
https://cheechongruay.smartsme.co.th/content/24284?fbclid=IwAR1EEo7cZz-FYaw8IRYcVZ9-4oYMThVJpYONU4S6DpN5QUuj-iQcgInrvJ8



กลยุทธ์เด็ดทำธุรกิจ “โฮมสเตย์” อย่างไรให้มีกำไรแบบยั่งยืน

อยากทราบบัชีเงินฝาก

ต้องการรู้เงินในบัญชี

เงินเข้าออก

เปิดตา-เปิดหู-เปิดใจ 3 คุณสมบัติที่ควรมีของคนทำ CONTENT (จริง ๆ ก็ควรมีอยู่ในคนทำงานทุกคนแหละ) ถ้าเราต้องทำ Content เพื่อขายของออนไลน์หรือทำการตลาด ก็ไม่ควรพลาดเรื่องแบบนี้
.
"เปิดตา" อัปเดตข้อมูลข่าวสารหรือเทรนด์การทำ Content ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่าง แต่เราเลือกเรื่องที่เราสนใจมาอัปอะไรใหม่ ๆ ให้เพจขายของของเราได้ ไม่ใช่ทำแต่อะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ แล้วคนติดตามหรือลูกค้าสนใจเราน้อยลง ๆ ทุกที
.
"เปิดหู" เราทำ Content อะไรไป ก็ต้องคอยฟังกระแสตอบรับ เรื่องไหนหรือรูปแบบการนำเสนอแบบไหนที่ถูกใจคนติดตามหรือสร้างยอดขายให้เราอย่างมีนัยสำคัญ ก็ควรเน้น Content แบบนั้นให้เยอะขึ้น แล้วก็คอยฟังหัวหน้าเพื่อเราจะได้วิชันอะไรใหม่ หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงานทั้งที่อยู่ในสายเดียวกันหรือคนละสาย เผื่อจะได้ไอเดียแปลกใหม่ในการทำ Content ของเรา
.
"เปิดใจ" ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว ที่ไม่รับฟังคำวิจารณ์ของใคร อะไรที่มีเหตุมีผลและนำไปพัฒนาปรับปรุงงานของเราได้ก็ควรนำไปใช้ โดยเฉพาะความคิดเห็นของแฟนเพจผู้ติดตามหรือลูกค้าของเรา นำข้อมูล Insight ของแต่ละแพลตฟอร์มมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อตีโจทย์ในการทำ Content ครั้งต่อ ๆ ไปให้แม่นยำ และถูกใจคนติดตามมากที่สุด

ที่มา : ETDA Thailand

3 คุณสมบัติที่ควรมีของคนทำ CONTENT

     ถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่มีความปรารถนาให้ลูกค้ารับรู้ถึงสินค้าในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงอยากให้ลูกค้าบอกต่อเรื่องราวของแบรนด์ การสร้างคอนเทนต์ที่มีความสามารถในการกระตุ้นความสนใจ และทำให้เกิดกระแสสามารถช่วยได้ ซึ่งวิธีทำให้คอนเทนต์กลายเป็นไวรัลนั้นมีสเตปการทำง่ายๆ แค่ 3 สเตป

     Step 1 ยาวเข้าไว้ 
          ผู้ประกอบการหลายคนเข้าใจผิดว่า คอนเทนต์ที่สร้างการมีส่วนร่วมและดึงดูดความสนใจต้องสั้น แต่จากการสำรวจของเว็บไซต์สำหรับเขียนบล็อกอย่าง ProBlogger พบว่า คอนเทนต์ที่มีความยาวกว่าคอนเทนต์ทั่วไปมีประสิทธิภาพในการดึงความสนใจมากกว่า เหตุผลที่คนชอบเสพคอนเทนต์ยาวๆ คือ ไม่อยากเสียเวลาไปกับการค้นหาข้อมูลจากหลายๆ เว็บไซต์ ดังนั้น จึงยอมอ่านข้อมูลที่เขียนยาวและเขียนจบในคอนเทนต์เดียว

          คอนเทนต์ที่เขียนยาวจะน่าอ่านมากยิ่งขึ้น ถ้านำเสนอให้รู้สึกสบายตา แต่ละย่อหน้าไม่เขียนยาวเกินไป และมีสรุปประเด็นสำคัญ ไม่เพียงเท่านี้ คอนเทนต์ที่จะกลายเป็นไวรัลมักเป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตีแผ่ความจริง อ่านสนุก สร้างแรงบันดาลใจ หรือมอบสิ่งใหม่ที่คนอ่านไม่เคยรู้

     Step 2 ภาพต้องแจ่ม 
          เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแชร์ ภาพที่นำมาประกอบคอนเทนต์ต้องดูดี ไม่ว่าจะแชร์ไปยัง Facebook, Twitter, Pinterest หรือแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ทั้งนี้ ผลการศึกษาบทความกว่า 1 ล้านบทความของ BuzzSumo ผู้ให้บริการฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำ SEO บนเพจธุรกิจ ยังพบว่า ภาพมีผลให้บทความได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น การใช้ภาพประกอบทุกๆ การเขียน 75-100 คำช่วยเพิ่มความนิยมได้ 2 เท่า และภาพที่ทำให้บทความน่าสนใจคือ ภาพถ่าย ภาพถ่ายหน้าจอ และภาพอินโฟกราฟิกที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา
  
     Step 3 วัดความสำเร็จ
          เพราะช่วยให้รู้ว่าสิ่งที่ลงแรงทำไปนั้นให้ผลลัพธ์อย่างไร ซึ่งทำได้โดยนำจำนวนการไลค์ การแชร์ และการมีส่วนร่วมว่าเป็นไปตามที่ตั้งใจหรือไม่ หากจำนวนไม่เป็นไปตามเป้าให้วิเคราะห์หาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร จากนั้นนำข้อผิดพลาดที่ได้มาพัฒนาคอนเทนต์ถัดไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของคุณค่า การเข้าถึงของกลุ่มเป้าหมาย ตลอดทั้งตรงตามความสนใจของพวกเขา

CR. ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup  www.smethailandclub.com


3 ข้อควรรู้ ในการสร้างคอนเทนต์ไวรัล

     ช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้หลายคนคงเริ่มวางแผนซื้อของขวัญให้ลูกค้า ไหนจะของขวัญจับฉลาก ของขวัญให้ครอบครัว ให้เพื่อนฝูง ยิ่งใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาส ยิ่งคึกคัก เป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจต่างๆ ที่จะได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าของคุณด้วยการทำการตลาดในวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแคมเปญสนุกๆ บนโลกออนไลน์ หรือจะเป็นการจัดโปรโมชั่นช่วยกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี แต่หากใครยังคิดไอเดียไม่ออกว่าจะสร้างความคึกคักให้ธุรกิจของคุณได้อย่างไรในช่วงคริสต์มาส เรามีไอเดียมาฝากกัน
 

1.จับร้านค้าของคุณแต่งตัวธีมคริสต์มาส


     เริ่มต้นสร้างสีสันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนโฉมร้านค้าของคุณให้กลายเป็นธีมคริสต์มาส ซึ่งสามารถทำได้ทั้งร้านค้าออฟไลน์และร้านค้าบนโลกออนไลน์ สำหรับร้านค้าออฟไลน์ที่มีหน้าร้าน ก็ลองหาของประดับตกแต่งมาสร้างบรรยากาศ เช่น ต้นคริสต์มาสพร้อมกล่องของขวัญ ติดไฟประดับ ให้พนักงานหน้าร้านแต่งตัวเป็นซานตาคลอส ส่วนร้านค้าออนไลน์ ลองปรับภาพลักษณ์บนเว็บไซต์และทางโซเชียลมีเดียของคุณให้เข้ากับเทศกาลด้วยการเปลี่ยนภาพ Cover ที่ทำออกมาสำหรับช่วงคริสต์มาสโดยเฉพาะหรือจะเปลี่ยนสีหลักที่แสดงผลบนเว็บไซต์ให้กลายเป็นสีแดงและเขียวเพื่อเข้ากับความเป็นคริสต์มาสก็ได้เช่นกัน

2.ทำ Giveaway บนโลกโซเชียล มอบของขวัญให้แก่ลูกค้า
     ตอบแทนลูกค้าที่สนับสนุนคุณมาตลอดทั้งปีด้วยการมอบของขวัญคืนสู่พวกเขาด้วยกิจกรรม Giveaway สร้างกิจกรรมให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคุณ เช่น การตอบคำถามอะไรเล็กน้อยที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาสินค้าของคุณ จากนั้นก็คัดเลือกผู้โชคดีเพื่อมอบของขวัญ Giveaway ให้พวกเขา โดยการทำกิจกรรมเช่นนี้นอกจากที่จะทำให้ลูกค้าของคุณได้มีส่วนร่วม ช่วยเพิ่มยอด Engagement แล้วยังทำให้พวกเขามีความรู้สึกดีๆ ต่อแบรนด์ของคุณและจะช่วยส่งผลบวกให้คุณแน่นอนในอนาคต

3.จัดโปรโมชั่นแรงส่งท้ายปี
     การจัดโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลแห่งความสุขแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการทำตลาดที่ค่อนข้างได้ผล เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มองหาของขวัญกันอยู่แล้ว ถ้าหากว่าร้านค้าของคุณจัดโปรโมชั่น จัด Set ของขวัญราคาพิเศษ ที่ทั้งลด ทั้งแถม หรือบางที่มีโปรโมชั่นสั่งออนไลน์แล้วส่งฟรีอีก ยิ่งช่วยดึงดูดใจให้แก่ลูกค้าได้ดีทีเดียว 

4.เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งใหม่ให้เข้ากับเทศกาล
     อีกหนึ่งสีสันที่สามารถทำได้คือการปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้สินค้าของคุณทันสมัยเข้ากับช่วงเทศกาลคริสต์มาส ลองใส่ Mood&Tone ของความเป็นคริสต์มาสเข้าไปในแพ็กเกจจิ้งหรือจะใช้วิธีการห่อของขวัญน่ารักๆ เหมือนว่าลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปได้รับของขวัญในช่วงคริสต์มาสก็เป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ


 5.ออกสินค้าแบบ Limited Edition ต้อนรับคริสต์มาสโดยเฉพาะ


     ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสแบบนี้ การออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่หรือการเปิดตัวสินค้าที่มีขายแค่ช่วงนี้โดยเฉพาะน่าจะทำให้ลูกค้าตื่นเต้นได้ดีทีเดียว อย่างเช่น Starbuck ที่มักจะออกเมนูเครื่องดื่มที่มีขายแค่ช่วงคริสต์มาสเท่านั้น ทุกๆ ปีก็จะมีกลุ่มลูกค้ารอคอยที่จะได้กิน โดยการออกสินค้าแบบ Limited Edition จะเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ได้ครอบครองสินค้าของคุณได้เป็นเท่าตัว
 

     และนี่ก็เป็นไอเดียเล็กๆ น้อยในการทำตลาดช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เรานำมาฝากกัน หวังว่าผู้ประกอบการทุกคนจะได้ไอเดียนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณ Merry Christmas & Happy New Year ล่วงหน้า ขอให้ทุกคนขายดีรับปีใหม่


Cr.  ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี www.smethailandclub.com


​7 ไอเดียทำการตลาด เพิ่มยอดขายช่วงคริสต์มาส

เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร

ที่มา : มอกช.

เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร

ครม.เห็นชอบปรับนิยาม ‘เอสเอ็มอี’ยึดเกณฑ์รายได้แทนมูลค่าสินทรัพย์.

ครม.เห็นชอบปรับนิยามเอสเอ็มอีจากเดิมใช้เกณฑ์มูลค่าสินทรัพย์มาเป็นเกณฑ์จำนวนการจ้างาน และรายได้ของเอสเอ็มอีจากเดิมที่ใช้เกณฑ์มูลค่าทรัพย์สินมาเป็นเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจแทน

นอกจากนี้ยังกำหนดขนาดกิจการและแบ่งกิจการออกเป็นประเภทการผลิตสินค้า การให้บริการและการค้าส่งและการค้าปลีก เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายเอสเอ็มอีในการส่งเสริมและช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการได้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

ทั้งนี้นิยามที่ปรับแก้ใหม่คือวิสาหกิจรายย่อย ประเภทผลิตสินค้าและการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้างไม่เกิน 5 คน มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ขณะที่วิสาหกิจขนาดย่อม ประเภทการผลิตสินค้า มีลูกจ้าง 6-50 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8-100 ล้านบาท ประเภทการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้าง 6-30 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 1.8 - 50 ล้านบาท

ส่วนวิสาหกิจขนาดกลาง ประเภทการผลิตสินค้า มีลูกจ้าง 51 - 200 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 - 500 ล้านบาท ประเภทการให้บริการ การค้าส่งและค้าปลีก มีลูกจ้าง 31-100 คน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 50 - 300 ล้านบาท โดยจำนวนลูกจ้างทั้งหมดให้พิจารณาจากหลักฐานแสดงจำนวนลูกจ้างที่จัดทำขึ้นตามกฎหมาย ขณะที่จำนวนรายได้ ให้พิจารณาจากรายได้รวมที่ระบุไว้ในงบการเงินที่จัดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการบัญชีกำหนดหรือเอกสารบัญชีแสดงรายได้ ส่วนกรณีที่กิจการมีจำนวนลูกจ้างเข้าเกณฑ์นิยามวิสาหกิจประเภทหนึ่ง แต่รายได้ไม่เข้าเกณฑ์ ให้ยึดรายได้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา

ที่มาข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ

นิยามใหม่ SME

           เมื่อพูดถึงการเติบโตของธุรกิจ Startup ในปัจจุบัน มีแนวโน้มว่าจะสูงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ธุรกิจ Startup ที่ประสบความสำเร็จนั้นกลับมีเพียง 10% เท่านั้น ขณะที่ 90% ต้องพบเจอกับความล้มเหลว โดยสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Startup ล้มเหลวนั้นอาจเกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้
          
ที่มา :  https://businesslinx.globallinker.com/bizforum/article

10 ข้อผิดพลาดที่ Startup ชอบทำ

🎊5 เทรนด์ธุรกิจฮอตฮิต ปี 2020 ที่ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด 🎊

👉หากคุณเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ เจ้าของกิจการร้านค้า คุณต้องรู้ว่าธุรกิจของคุณจะสามารถแข่งขัน ในยุคแห่งการเติบโตของเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้อย่างไร? เพื่อให้คุณเป็นผู้นำหรือเป็นผู้ชนะ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ทันหรือสัมผัสถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงติดตามนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นบนโลกใบนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนและผลักดันการเติบโตของธุรกิจคุณดีกว่าเดิม วันนี้เราจะนำเสนอ 5 เทรนด์ธุรกิจ เทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรง และน่าจับตามองในปี 2020💡

📍โซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะ YouTube
จากผลสำรวจของ VidMob เมื่อเร็วๆ นี้ พบกว่าปัจจุบัน Gen Z (เกิดหลัง พ.ศ.2540) ถึงร้อยละ 59 ใช้แอพ YouTube มากขึ้นกว่าปีก่อน ๆ แสดงให้เห็นว่าตลาดนี้เพิ่งเริ่มต้น และในขณะที่ในประเทศไทยวัยรุ่นก็มีการใช้ยูทูปเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่าเทรนด์นี้น่าจะมาแรงในปีหน้าอย่างแน่นอน

📍Going Green และ มังสวิรัติ
ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากใช้วิถีชีวิตสีเขียวกันมากขึ้น แม้แต่ร้านฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ จะสังเกตว่าเริ่มมีเมนูอาหารจากโปรตีนพืชมากขึ้น เช่นเดียวกันกับผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่ได้หยุดอยู่แค่อาหารมังสวิรัติและผลิตภัณฑ์สุขอนามัยออร์แกนิกเท่านั้น ในร้านค้าปลีกต่าง ๆ ก็รณรงค์ลดการใช้พลาสติกมากยิ่งขึ้น โดยหันมาใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติมากขึ้นด้วย

📍ความก้าวหน้าของ AI เพิ่มขึ้น
อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในไม่กี่ปีข้างหน้า ทำให้ร้านค้าปลีก ร้านอาหารต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างหันมาใช้ AI เพื่อความสะดวกสบาย และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย

📍อีคอมเมิร์ซจะยังคงมาแรงต่อไป
ตามรายงานของ Statista ในอีก 4 ปีข้างหน้า คาดว่าตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลก จะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ค้าปลีกจำนวนมาก ย้ายการลงทุนจากหน้าร้านสโตร์แบบเดิมไปสู่ร้านค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างจากธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับผลกระทบจากอีคอมเมิร์ซจนทยอยปิดสาขาไปเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง

📍แพลตฟอร์มดิจิทัลครอบคลุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ ต่างพยายามที่จะให้บริการและเพิ่มตัวเลือกแก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดการธุรกรรมทางการเงินที่แม้แต่พ่อค้าแม่ค้ายังหันมานิยมการชำระเงินทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

👉ทั้งหมดนี้เป็นเทรนด์ธุรกิจที่มาแรงซึ่งเกิดขึ้นจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบนโลกใบนี้ในช่วงปี 2020 เจ้าของกิจการร้านค้า รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ ปรับตัว และทรานฟอร์มตัวเอง เพื่อให้แข่งขัน อยู่รอด และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจของตัวเองได้อย่างยั่งยืน😊

ที่มาข้อมูล www.thaismescenter.com

🎊5 เทรนด์ธุรกิจฮอตฮิต ปี 2020 ที่ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด 🎊

5 WAYS TO STAY INNOVATIVE แนวความคิดในการเริ่มต้นธุรกิจนวัตกรรม ด้วยหลัก 5i

สิ่งสำคัญสำหรับผู้บริโภคหรือลูกค้าในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า คือความมั่นใจว่าสินค้านั้นมีคุณภาพจริงๆ และสิ่งที่จะทำให้เกิดความั่นใจได้ นั่นคือการได้รับข้อมูลที่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้ ฉลากสินค้าจึงมีความสำคัญกับผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยโรงงาน หรือนำเข้ามาจำหน่าย ถือเป็นสินค้าที่ต้องควบคุมฉลาก

โดย พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 กำหนดว่า “ฉลาก” หมายถึง รูป รอยประดิษฐ์ กระดาษหรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ปรากฏข้อความเกี่ยวกับสินค้า ซึ่งแสดงไว้ที่สินค้า หรือภาชนะบรรจุ หรือหีบห่อบรรจุสินค้า หรือสอดแทรก หรือรวมไว้กับสินค้า และยังรวมถึงเอกสารหรือคู่มือสำหรับใช้ประกอบสินค้า ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้าหรือภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุสินค้านั้นด้วย

ดังนั้นมาดูกันว่า ฉลากสินค้าที่ดีควรเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) บอกไว้ว่า ในการจัดทำฉลากสินค้า ผู้ประกอบการต้องบอกรายละเอียดที่สำคัญและจำเป็นต่อการตัดสินใจซื้อและใช้งาน

โดยฉลากสินค้าต้องระบุข้อความดังนี้

ยี่ห้อ และประเภทหรือชนิดของสินค้า
ชื่อ-ที่อยู่ของผู้จัดจำหน่ายหรือนำเข้าที่สามารถติดต่อได้จริง
กรณีสั่ง/นำเข้าให้ระบุประเทศที่ผลิต
ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
ขนาด มิติ ปริมาณ ปริมาตร น้ำหนัก
วิธีใช้ ข้อแนะนำในการใช้ หรือห้ามใช้ หรือคำเตือน (ถ้ามี)
วันเดือนปีที่ผลิต หรือหมดอายุ หรือที่ควรใช้ก่อน
ราคา พร้อมระบุหน่วยบาท
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้เพิ่มเติมสำหรับลักษณะของฉลากสินค้า นั่นคือ

1. ข้อมูลในฉลากต้องตรงกับความเป็นจริง ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของสินค้า

2. ต้องเป็นภาษาไทย หรือภาษาไทยกำกับภาษาต่างประเทศ ซึ่งสามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน

3. ต้องแสดงไว้ที่ตัวสินค้า ภาชนะบรรจุ หีบห่อ หรือสอดแทรกรวมไว้กับสินค้า รวมไปถึงคู่มือ เอกสารประกอบสินค้า ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่สินค้า

ที่มา : https://www.smeone.info/

ข้อควรรู้จาก สคบ. ฉลากสินค้าแบบไหนที่เรียกว่า “ดี”

ต้องรู้จักออมและว่างแผนในการใช้เงิน

การเงิน

 ก่อน Gen Z จะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง พวกเขาจะเข้าไปอ่านรีวิวก่อนเสมอ ซึ่งของบางอย่าง อ่านรีวิวเยอะมากถึงจะตัดสินใจซื้อ โดยมี Gen Z มากถึง 68.7% เลยนะที่อ่านรีวิวก่อนซื้อ และมีแค่ 0.8% เท่านั้นที่ซื้อโดยไม่สนใจรีวิวใดๆ ทั้งสิ้น . สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องทำ เพื่อให้ Gen Z ซื้อของให้ได้ คือ ทำสินค้าให้ดีเข้าไว้ เพื่อให้เกิดรีวิวเชิงบวกบนโลกออนไลน์ ยิ่งรีวิวบวกๆ มากแค่ไหน แบรนด์ยิ่งดูน่าสนใจมากเท่านั้น . #ถ้าชอบกดไลค์ถ้าใช่กดแชร์ #sme #startup #smestartup . ติดตามอ่านเรื่องราวธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ Website : www.smethailandclub.com Facebook : www.facebook.com/SMEStartupFreecopy

Gen Z ส่องรีวิวแค่ไหนถึงซื้อ

By Piyaphan Make Billion

คุณเคยได้ยินคำว่า “Self-made” กันใช่ไหมครับ คำนี้ถูกใช้อธิบายกลุ่มคนที่ชอบสร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่บางครั้ง เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า กว่าจะไปถึงดวงดาว เราก็ต้องปาดเหงื่อ ใช้พลังกายและใจกันพอสมควร

ยกตัวอย่าง เมื่อนึกจะลงทุนทำธุรกิจเจ๋ง ๆ นอกจาก เราจะต้องมี Business Model สวย ๆ พร้อมลงมือทำจริง เรายังต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด (ที่มีให้เจอแน่ ๆ)

ในฐานะที่ผมเป็นหนึ่งคนที่เคยฝ่าฟันและปลุกปั้นองค์กรเล็ก ๆ ให้ติดตลาด ผ่านร้อนผ่านหนาว และจดจำแนวโน้มความเสี่ยงที่ธุรกิจเริ่มต้นจะเจอ ผมจึงขอนำประสบการณ์มารวบรวมเป็น 5 ข้อหลัก ๆ สำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ SMEs ว่า ลงทุนอย่างไรให้เสี่ยงน้อยที่สุด และแนะนำวิธีรับมือ แม้พายุมาแบบคาดไม่ถึงก็ยังแล่นเรือต่อถึงฝั่งฝันได้
 1.
เริ่มต้นธุรกิจให้ Lean
คือ มีแต่กล้ามเนื้อ ไร้ไขมันส่วนเกิน ไม่สร้างองค์กรที่ใหญ่เทอะทะเกินความจำเป็นในช่วงเริ่มต้น แต่ไม่ใช่จะไม่ลงทุน สิ่งไหนที่จำเป็นให้ลองพิจารณาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ก่อน ถ้าไม่สามารถก็ให้ลองเลือกใช้ Outsource ดู วิธีนี้นอกจากจะไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของพนักงานประจำที่ต้องดูแล คุณยังได้ผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้น ๆ มาแบบไม่ต้องเสียเวลาปั้นนาน
 2.
บริการหลังการขายน่าประทับใจ
นอกจากสินค้าดี บริการหลังการขายก็ต้องดีเช่นกัน ลูกค้าจะได้ติดใจและบอกต่อ เพราะเมื่อธุรกิจของคุณไปได้ดีแล้ว ความเสี่ยงหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย คือ การเข้ามาของนัก Copy - Paste ที่พร้อมออกสินค้าและบริการในรูปแบบเดียวกับคุณ! การมีฐานลูกค้าที่จงรักภักดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการโดนขโมยลูกค้าได้
 3.
เพื่อนคู่คิด
ความจริงใจและการช่วยเหลืออย่างเป็นมิตรต่อกัน ทั้งคนในองค์กรเดียวกัน และคู่ค้าหรือพันธมิตรจะช่วยให้เกิดความแข็งแรงในทางธุรกิจแบบคาดไม่ถึง การร่วมมือกันจัดโปรโมชั่นของสองธุรกิจที่สอดคล้องกันจะช่วยให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ที่คนประทับใจ และกลายเป็นจุดขายใหม่ ๆ ที่คู่แข่งเลียนแบบได้ยาก ขอให้เชื่อในผลรวมที่มากกว่าสองของหนึ่งบวกหนึ่ง ในเรื่องคอนเน็คชั่นที่ดีจากมิตร
 4.
ตรวจสอบสถานะในธุรกิจตนเองอย่างสม่ำเสมอ
วิธีนี้เป็นการเกาะติดสถานการณ์การดำเนินธุรกิจให้แน่ใจว่า กำลังมาถูกทาง รักษาจังหวะการเดินให้เหมาะสม และพร้อมจะหันซ้าย-ขวาบ้าง ถ้าเจออุปสรรคที่ไม่ควรเจอ มองเป้าหมายให้ชัด ๆ มีสมาธิที่จะเดินไปหา แต่ก็หลบหิน หลบตอบ้าง ไม่ชนโดยไม่จำเป็น ถ้ามีอะไรที่เราต้องปรับเปลี่ยนบ้าง ก็ลองทำดูเพื่อความก้าวหน้า ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร อย่างน้อยคุณก็จะได้รับประสบการณ์ชีวิตครับ
 5.
ก้าวให้ทันเทคโลโนยี
ข้อได้เปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่กลับเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ คือ เรื่องของความรู้ความเข้าใจในยุคสมัย ให้รู้ว่าเทคโนโลยีไปถึงที่ไหนกันแล้ว เช่น การลงทุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านโลกออนไลน์อาจจะทำให้คุณได้ยอดขายก้อนโต ไม่ต้องสูญเงิน หรือเสียกำลังคนไปทำการตลาดที่ไม่ได้รับความสนใจ

ผมขอทิ้งท้ายว่า อุปสรรคเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเสี่ยงก็เช่นกัน แต่หากเราเตรียมมือเตรียมใจให้พร้อม เมื่อถึงเวลาคับขันเราก็จะผ่านไปได้ด้วยดี ท้ายที่สุดแล้ว ความโชคดีในความสำเร็จล้วนมาจากการเตรียมตัวรับมือที่ดีครับ เคล็ดลับเล็ก ๆ อีกข้อ คือ เข้าเว็บไซต์ที่ให้ความรู้ทางด้านธุรกิจและ SME เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมนะครับ

#SMAE GO ความรู้คู่ทุน# 
#ธ.ก.ส. #เป็นมากกว่าธนาคาร #เป็นมากกว่าที่คิด

เริ่มต้นธุรกิจ SMEs ลงทุนอย่างไรให้เสี่ยงน้อย

การเป็นหัวหน้าที่ดีไม่จำเป็นต้องอัปเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อเอาใจพนักงานเสมอไป เพราะการทำงานในทุกๆ วันเขาต้องเจอกับความเครียดมากมาย ถึงแม้เงินเดือนที่มากขึ้นจะช่วยจูงใจให้เขาอยู่กับองค์กรต่อไปได้ แต่สุดท้ายความสบายใจต่างหากที่จะทำให้เขาไม่หนีไปไหนในท้ายที่สุด

ซึ่งความสบายใจนี้คุณสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเองแบบไม่เสียเงินสักบาทเดียว เป็น 4 วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้พนักงานในองค์กรสบายใจ และรู้สึกรักหัวหน้าอย่างคุณ พร้อมที่จะตื่นเช้าวันใหม่อย่างสดใสไปลุยงานต่อไปได้แบบไม่มีคำว่าเหนื่อย

ทำตัวให้น่าเชื่อถืออยู่เสมอ

ความน่าเชื่อถือนี้เกิดจากการรักษาคำพูดของคุณอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการพูดลอยๆ หรือพูดเล่นๆ ในสิ่งที่ลูกน้องต้องการ เช่น “สิ้นเดือนนี้ถ้าทำยอดได้ตามเป้า อาจจะมีการปรับเงินเดือน” หรือ “ถ้าทำงานดีเดี๋ยวให้วันลาพิเศษ”
ซึ่งคำพูดลอยๆ นี่แหละครับที่ลูกน้องจะจดจำฝังใจ และคาดหวังที่จะได้รับ แต่เมื่อคุณแค่พูดผ่านๆ ลอยๆ สุดท้ายก็ลืม จะทำให้ลูกน้องมองว่าคุณขาดคุณสมบัติแห่งความน่าเชื่อถือ ต่อไปคำพูดของคุณจะไม่มีน้ำหนัก

ดังนั้นในฐานะหัวหน้าคุณต้องจด และจำทุกคำพูดที่กล่าวออกไป และคิดให้ดีก่อนที่จะพูดเล่นในเรื่องอะไรที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจคุณ แค่คุณทำตามคำพูดของตัวเองได้ทุกคำ และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุณไม่ได้ลืม แค่นี้ก็จะทำให้ลูกน้องนับถือและเชื่อมั่นในตัวคุณแล้ว

มองเห็นข้อดีในตัวพนักงานทุกคน

คนทำงานทุกคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยและลำบากในหน้าที่การงานของตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งเขาไม่ได้ขออะไรมากมายนอกจากจะขอให้หัวหน้าอย่างคุณมองเห็นถึงความตั้งใจและความพยายามของเขา ซึ่งคำชมเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความประทับใจ และเป็นกำลังใจที่ดีอย่างไม่มีวันลืม

เพราะคำชมจากปากของหัวหน้าอย่างคุณ นั่นหมายถึงว่าคุณได้มองเห็นถึงสิ่งที่พวกเขาเหน็ดเหนื่อยและพยายาม คำชมนั้นเป็นคำที่วิเศษมาก ซึ่งคุณไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวเพื่อจะพูดชื่นชมใครสักคน และมันเป็นคำเล็กๆ มีประสิทธิภาพ จูงใจให้ทุกคนอยากร่วมงานกับคุณ

คุยเรื่องงานแค่ในเวลางานเท่านั้น

เป็นหนึ่งในสิ่งที่ลูกน้องและพนักงานหลายคนไม่ชอบใจมากๆ โดยเฉพาะพนักงานรุ่นใหม่ที่เคารพใน Work-Life Balance อย่างเต็มที่ ซึ่งเขาจะไม่ชื่นชอบการทำงานนอกเวลางานอย่างมาก ดังนั้นในฐานะหัวหน้าคุณเองก็ควรเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคล ไม่รบกวนซึ่งกันและกันในเวลาหลังเลิกงาน ไม่ตามงาน หรือทวงถามความเคลื่อนไหวเมื่อจบเวลาการทำงาน เพราะนั่นคือเวลาอิสระและการใช้ชีวิตของเขาแล้ว

แต่นั่นยังไม่เพียงพอให้คุณเป็นที่รักของลูกน้องได้อย่างเต็มที่ เพราะหัวหน้าที่ดีควรเป็นได้ทุกอย่างแม้กระทั่งเพื่อน ซึ่งเมื่ออยู่นอกเวลางานคุณควรหาเวลาทำความสนิทสนมกับพนักงานเหล่านั้น คุยทั้งเรื่องทั่วไป และเรื่องส่วนตัว เพื่อสร้างความสนิทสนมแน่นแฟ้นกันมากขึ้นกว่าเดิม เขาจะมองว่าคุณเป็นทุกอย่าง ทั้งที่พึ่งพา และคนคอยให้คำปรึกษาของชีวิต

ตัดสินทุกเรื่องอย่างเป็นกลาง และจริงใจ
การทำงานร่วมกันกับคนมากมายมีโอกาสที่พนักงานส่วนใหญ่จะเกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งเหตุผลที่จะเกิดสิ่งนั้นมีร้อยแปดพันอย่าง แต่สำหรับคุณแล้วในฐานะหัวหน้า ไม่ควรที่จะเลือกข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเข้าข้างใครเป็นพิเศษแม้เขาคนนั้นจะทำงานดีแค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องให้ความจริงใจกับพนักงานทุกคน และทำตัวเป็นกลาง ตัดสินทุกปัญหาด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์

สอบถามถึงจุดเริ่มต้นของเรื่อง และหาทางไกล่เกลี่ยให้ทั้งคู่ลงรอยกันได้แบบถูกต้อง เหมาะสม การตัดสินทุกปัญหาอย่างจริงใจ ไม่เข้าข้างใคร จะทำให้ลูกน้องรับรู้ได้ ทำให้สบายใจ และพร้อมจะปรึกษาปัญหาในใจที่เขาเจอกับการทำงานร่วมกันของเพื่อนร่วมงาน เพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้วถ้ามันไม่ถูกต้องจริงๆ คุณนี่แหละจะช่วยให้เขาผ่านพ้นความอึดอัดเหล่านั้นไปได้

#SMAE GO ความรู้คู่ทุน# 
#ธ.ก.ส. #เป็นมากกว่าธนาคาร #เป็นมากกว่าที่คิด

ที่มา : www.smartsme.co.th

4 วิธีทำให้ทุกคนในองค์กรรักคุณบบนี้ใครเห็นก็รักตายเลย

ผักปลอดสารพิษ
ผักปลอดสาร หรือ ผักปลอดสารพิษ (Pesticide residue free) หมายถึง ผลผลิตของพืชผักที่ไม่มีสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชตกค้างอยู่ หรือมีตกค้างอยู่แต่ไม่เกินระดับมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ (ประกาศฉบับที่ 163 พ.ศ.2538 เรื่อง "อาหารที่มีสารพิษตกค้าง")
        ส่วนอีกข้อมูลหนึ่งระบุว่า "ผักปลอดสารพิษ" หมายถึง ผักที่มีกระบวนการผลิตมีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ (เช่น ธาตุอาหาร ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโต ปุ๋ยอินทรีย์ต่าง ๆ) เพียงแต่สารเคมีสังเคราะห์ดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวสารเคมีสังเคราะห์เหล่านี้จะไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ (เนื่องจากเป็นกลุ่มของปุ๋ยเคมี จุลธาตุค่าง ๆ ซึ่งมีอยู่ในใบพืชอยู่แล้ว) ส่วนคำว่า "ผักปลอดสาร" จะหมายถึง ผักที่มีกระบวนการผลิตที่ใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชหรือยาฆ่าแมลงในช่วงที่มีแมลงศัตรูพืชระบาด เพียงแต่จะต้องมีการกำหนดใช้อย่างเข้มงวด ต้องรู้ว่าควรฉีดยาฆ่าแมลงช่วงไหนและช่วงไหนไม่ควรฉีด ซึ่งตามหลักการก็คือจะต้องเว้นระยะเวลาการเก็บเกี่ยวหลังจากฉีดยาฆ่าแมลงไปแล้ว แต่ทั้งนี้ผลผลิตที่ได้จะต้องไม่มีสารพิษตกค้างหรือมีไม่เกินมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณะสุขได้กำหนดไว้ (บางแห่งใช้ยาฆ่าแมลง บางแห่งก็ไม่ใช้ครับ)
	สรุปแล้วก็คือ ผักปลอดสาร หรือ ผักปลอดสารพิษ มันก็คือ ผักที่ปลอดสารพิษในช่วงตอนเก็บเกี่ยวผลผลิต แต่ไม่ได้ปลอดการใช้สารเคมีในช่วงระหว่างการเพาะปลูก ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ควรจะเป็นผักทั่วไปที่เราหาซื้อมาบริโภคกันตามท้องตลอดทั่วไปใช่ไหมครับ แต่โลกในความเป็นจริงมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้นไงครับ เพราะในปัจจุบันผักที่วางขายส่วนมากก็จะมีสารพิษเกินค่ามาตรฐานอยู่ เพราะบางแห่งก่อนเก็บเกี่ยวเขายังต้องฉีดยาฆ่าแมลงกันอยู่เลยครับ ตัวอย่างผักที่พบสารพิษตกค้างเกินค่ามาตรฐานก็เช่น ผักคะน้า มะเขือพวง พริกสด ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ แตงกวา ต้นหอม ผักชี หัวไชเท้า เป็นต้น
	สารพิษตกค้าง หมายถึง สารเคมีที่ใช้ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชหรือสัตว์ หรือกลุ่มอนุพันธ์ของสารเคมีดังกล่าว อันได้แก่ สารในกระบวนการเปลี่ยนแปลง (conversion products), สารที่เกิดจากปฏิกิริยา (reaction products), สารในกระบวนการสร้างและสลาย (metabolites) หรือสิ่งปลอมปนที่มีความเป็นพิษซึ่งปนเปื้อนหรือตกค้างในอาหาร
	หมายเหตุ : ผักปลอดสาร เป็นคนละประเภทกับผักออแกนิก (การปลูกผักที่มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก คือจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลยในระหว่างการเพาะปลูกจนกระทั่งการเก็บเกี่ยว) และผักไฮโดรโปนิกส์ (การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน หรือเป็นการปลูกพืชในน้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่)
	ประโยชน์ของผักปลอดสารพิษ
1.	ทำให้ได้ผักที่มีคุณภาพ ไม่มีสารพิษตกค้าง เกิดความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
2.	การบริโภคผักที่ปลอดสารพิษในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำจะช่วยทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี มีความแข็งแรง ไม่เจ็บได้ง่าย ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3.	ช่วยทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น หากเกษตรกรไม่มีการฉีดพ่นสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
4.	ช่วยลดปริมาณการนำเข้าสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชจากต่างประเทศ
5.	ช่วยลดต้นทุนการผลิตจองเกษตรกรในด้านค่าใช้ต่าง ๆ เช่น มีค่าใช้จ่ายในซื้อสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชที่ลดลง
6.	เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการปลูกผักปลอดสารพิษ เนื่องจากได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น (ประมาณ 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับผักทั่วไป)
7.	ช่วยลดปริมาณของสารเคมีซึ่งเป็นพิษที่จะปนเปื้อนเข้าในดิน ในอากาศ และในน้ำ จึงเป็นการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดมลพิษของสิ่งแวดล้อมไปได้อีกทางหนึ่ง
8.	การบริโภคปลอดสารพิษนอกจากจะช่วยทำให้ชีวิตปลอดภัยแล้ว ยังน้อมนำสู่วิถีชีวิตที่พอเพียง ทั้งในแง่ของผู้ค้าเอง หากรู้จักพอเพียง ไม่โลภ ก็จะไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค

คำแนะนำในการบริโภคผักปลอดสารพิษ
แม้ว่าผักปลอดสารพิษจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับคนชอบรับประทานผักและมีความปลอดภัย แต่หากผู้บริโภคยังไม่มั่นใจก่อนนำบริโภคก็นำผักมาให้ล้างให้สะอาดอย่างถูกวิธีเสียก่อน ซึ่งก็มีอยู่หลายวิธี เช่น ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อกนาน 2 นาที, หรือการแช่ในน้ำสะอาดประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด, หรือแช่ในน้ำปูนใส น้ำด่างทับทิม น้ำซาวข้าว น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น หรือน้ำยาล้างผัก ประมาณ 10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง เป็นต้น
นอกจากนี้ผู้บริโภคควรจะเลือกรับประทานผักให้เหมาะสมกับฤดูกาล เช่น ถ้าเป็นฤดูฝน ผักคะน้าที่เห็นขายในตามท้องตลาดส่วนใหญ่จะปนเปื้อนสารเคมี ก็ให้หันมาบริโภคผักกวางตุ้งแทน เป็นต้น หรือเลี่ยงการบริโภคผักที่อยู่นอกฤดูกาล เช่น ในฤดูฝนเป็นไปไม่ได้ที่ผักกะหล่ำจะออก ถ้ามีขายก็แสดงว่าต้องมีการใช้สารเคมีอย่างดุเดือด เป็นต้น

ที่มา : medthai.com


ผักปลอดสาร ประโยชน์ของผักปลอดสารพิษ 8 ข้อ !

เครื่องหมาย Q ในรูปแบบเก่า และรูปแบบใหม่

ที่มา : มอกช.

เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้า

💚💚ระบบการตรวจรับรอง #GAP และการตรวจติดตามแหล่งผลิต

✏️✏️โดย : #กรมวิชาการเกษตร


ระบบการตรวจรับรอง #GAP และการตรวจติดตามแหล่งผลิต

“รูปแบบการดำเนินธุรกิจยุค 4.0 ที่ SME ต้องรู้”
SME ยุค 4.0 จะต้“รูปแบบการดำเนินธุรกิจยุค 4.0 ที่ SME ต้องรู้”
SME ยุค 4.0 จะต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารธุรกิจ ในเรื่องสำคัญหลัก ๆ 4 ข้อต่อไปนี้

1. เทคโนโลยี่ช่วยในกระบวนการผลิต ทำให้สินค้าหรือบริการมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และต้องเป็นมาตรฐานที่ที่ผู้ซื้อให้การยอมรับ เพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจ กล้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้า

2. เทคโนโลยีช่วยการตลาดและการจัดการ จะทำให้การบริหารจัดการรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของผู้ซื้อ เทคโนโลยีจะช่วยส่งข้อมูลหรือความรู้ในการแก้ปัญหาให้แก่ผู้ซื้อได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา

3. เทคโนโลยีช่วยในการขนส่ง จะทำให้ตรวจสอบได้ว่า สินค้าได้ขนส่งถึงไหน คาดว่า ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าเมื่อใด สามารถนัดหมายเวลารับสินค้าได้

4. เทคโนโลยีช่วยด้านการชำระเงิน ทำให้ผู้ซื้อง่ายและสะดวกต่อการชำระเงิน ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับชำระเงินเร็วขึ้น
SME ยังไม่ต้องตกใจนะคะว่าต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากมาย การใช้โทรศัพท์มือถือก็สามารถช่วยได้ถึง 3 เรื่องแล้วค่ะ คือ ด้านการตลาด ด้านการชำระเงิน และยังช่วยด้านติดตามเรื่องการขนส่งด้วยนะคะ

ขอขอบคุณบทความโดย : ดร.ยาย สุนันทาองนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารธุรกิจ ในเรื่องสำคัญหลัก ๆ 4 ข้อต่อไปนี้

1. เทคโนโลยี่ช่วยในกระบวนการผลิต ทำให้สินค้าหรือบริการมีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และต้องเป็นมาตรฐานที่ที่ผู้ซื้อให้การยอมรับ เพื่อให้ผู้ซื้อมั่นใจ กล้าตัดสินใจสั่งซื้อสินค้า

2. เทคโนโลยีช่วยการตลาดและการจัดการ จะทำให้การบริหารจัดการรวดเร็ว ทันต่อความต้องการของผู้ซื้อ เทคโนโลยีจะช่วยส่งข้อมูลหรือความรู้ในการแก้ปัญหาให้แก่ผู้ซื้อได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา

3. เทคโนโลยีช่วยในการขนส่ง จะทำให้ตรวจสอบได้ว่า สินค้าได้ขนส่งถึงไหน คาดว่า ผู้ซื้อจะได้รับสินค้าเมื่อใด สามารถนัดหมายเวลารับสินค้าได้

4. เทคโนโลยีช่วยด้านการชำระเงิน ทำให้ผู้ซื้อง่ายและสะดวกต่อการชำระเงิน ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับชำระเงินเร็วขึ้น
SME ยังไม่ต้องตกใจนะคะว่าต้องใช้เทคโนโลยีอะไรมากมาย การใช้โทรศัพท์มือถือก็สามารถช่วยได้ถึง 3 เรื่องแล้วค่ะ คือ ด้านการตลาด ด้านการชำระเงิน และยังช่วยด้านติดตามเรื่องการขนส่งด้วยนะคะ

ขอขอบคุณบทความโดย : ดร.ยาย สุนันทา

รูปแบบการดำเนินธุรกิจยุค 4.0 ที่ SME ต้องรู้

9 แนวทาง ลดต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

การลดต้นทุนถือเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับการทำธุรกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารหากได้รับการบริหาร
จัดการที่มีประสิทธิภาพสามารถทำให้ลดต้นทุนลงได้ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยนั้นถือเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 9 วิธี ดังนี้

1. ระบบดิจิทัลลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลา
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นวิธีที่หลายบริษัทและโรงงานนำเข้ามาใช้
อาทิเช่นการนำมาใช้แทนที่งานเอกสาร ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายเช่น ค่ากระดาษ ค่าอุปกรณ์ รวมถึงการเสีย
เวลา ดังนั้นการใช้ระบบดิจิทัลเป็นทางเลือกที่สามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงลดความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี

2. ลดสินค้าคงคลังเกินจำเป็น
การลดสินค้าคงคลังและการตั้งเป้าในด้านงบนั้นหากมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับโกดังเก็บสินค้า โดยโกดังเก็บสินค้าหากมีการจัดการที่พอดีจนเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาคอขวดได้ ซึ่งการจัดการบริหารสิ่งเหล่านี้สามารถยกระดับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ประมวลผลภาพสำหรับอุตสาหกรรม: วัดผลได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และแม่นยำ
ใช้การประมวลผลภาพเพื่อการวัดผลได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำทั้งยังต้องการการดูแลรักษาที่ต่ำในขณะที่มี
ความปลอดภัยในการปฏิบัติงานสูง รวมถึงการจัดการเรื่องสุขอนามัยด้วยเช่นกันตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิด
ขึ้นของตลาด

4. ปรับปรุงสูตร เพิ่มผลกำไร
การปรับปรุงสูตรอาหารนั้นสามารถรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้ ด้วยสูตรอาหารที่มีความยืดหยุ่น ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดการขาดแคลนทรัพยากรบริหารจัดการการจัดซื้อวัตถุดิบได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ

5. จัดการกลุ่มชนิดสินค้าเพื่อกำไรที่มากขึ้น
การลงทุนในด้านเทคโนโลยีสารสนสามารถเพิ่มศักยภาพในการติดตามวัตถุดิบในกระบวนการได้เป็น
อย่างดี การใช้ระบบติดตามวัตถุดิบนั้น เผยให้เห็นกรณีต่างๆได้อย่างง่ายดายเป็นผลจากความสามารถ
ในการระบุกลุ่มสินค้าหรือวัตถุดิบกลุ่มที่มีปัญหา สามารถจัดการสินค้าได้อย่างเป็นระบบจากห่วงโซ่การผลิต ลดความเสียหายของสินค้าที่เกิดขึ้นจากการคืนสินค้า

6. ระบบออโตเมชั่นเพื่อโลจิสติกส์ภายในราคาประหยัด

สำหรับกระบวนการผลิตอาหารนั้นมักจะมีระยะเวลาสำหรับการคืนทุนที่สั้นมากๆ โซลูชันที่เกิดจากซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานลดเวลาที่ใช้ทำงานเพิ่มปริมาณสินค้าที่สามารถทำได้และลดค่าใช้จ่าย เช่น ช่องเก็บของที่มีความสูงมาก ระบบเรียงสินค้าอัจฉริยะ หุ่นยนต์หยิบจับ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมเรื่องสุขอนามัยอีกด้วย

7. ระบบตรวจจับด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ สนับสนุนการคัดแยกวัตถุดิบ
สำหรับกระบวนการผลิตอาหารนั้นมักจะมีระยะเวลาสำหรับการคืนทุนที่สั้นมากๆโซลูชันที่เกิดจากซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานลดเวลาที่ใช้ทำงาน เพิ่มปริมาณสินค้าที่สามารถทำได้และลดค่าใช้จ่าย เช่น ช่องเก็บของ
ที่มีความสูงมาก ระบบเรียงสินค้าอัจฉริยะ หุ่นยนต์หยิบจับ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมเรื่องสุขอนามัยอีกด้วย

8. ลดระยะเวลารอคอยสินค้าสำหรับลูกค้า
โลจิสติกส์ถือเป็นปัจจัยที่สามารถสร้างความต่างสำหรับการควบคุมงบประมาณได้อย่างชัดเจน ด้วยการวางแผนที่ดี การควบคุมที่มีคุณภาพ และการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดในอุตสาหกรรมอาหาร สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ถึง 15%

9. Outsource ซอฟต์แวร์และบริการจาก Cloud
การใช้ Cloud นั้นสามารถแก้ปัญหาได้หลากหลายรูปแบบตั้งแต่การใช้ซอฟต์แวร์สำหรับทำเอกสารได้ฟรีจาก Google Docs ไปจนถึงการประมวลผลผ่านเครือข่าย การสำรองข้อมูล การติดตามข้อมูลการทำงานแบบ Real-Time หรือการควบคุมเครื่องจักรผ่านระบบ ซึ่ง Cloud นั้นสามารถตอบสนองต่อ SMEได้มิใช่เพียง
การตอบโจทย์บริษัทยักษ์ใหญ่เพียงเท่านั้นโดยสามารถเพิ่มความสามารถในการให้บริการด้านออโตเมชันได้ถึง 70% ลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 72% และเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจได้ถึง 73% อีกด้วย

ทั้ง 9 ขั้นตอนที่นำเสนอนั้นมุ่งเน้นไปที่การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานเดิมซึ่งการปรับเปลี่ยน
ในบางตัวเลือกมีการลงทุนที่น้อยมากโดยเทคโนโลยีที่นำมาปรับใช้ส่วนมากมุ่งเน้นไปที่กำจัดความสูญเปล่าและความเสี่ยงด้านการปนเปื้อน รวมถึงความผิดพลาดจากการทำงานสร้างเสถียรภาพและคุณภาพของการทำงาน
ที่สามารถไว้วางใจได้นับเป็นการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการทำงานที่สอดรับกับภาวะปัญหาด้านแรงงานและ
การก้าวเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หรือ Industry 4.0 ได้เป็นอย่างดี Cr.SMEONE

9 แนวทาง ลดต้นทุนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

“6 เทคนิคเพิ่มคนเห็นโพสต์ สร้างยอดขายปังๆ”

1.โพสต์คอนเทนต์ให้ความรู้
คอนเทนต์น่าสนใจไม่ได้หมายถึงคอนเทนต์ข่าวดาราหรืออะไร แต่หมายถึงคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดให้แฟนๆ ของเพจอยากกด Comment, Share, Like และกดส่งข้อความ Inbox ถ้าคุณเป็นเจ้าของเพจร้านค้า ก็ควรจะโพสต์คอนเทนต์เกี่ยวกับสินค้าที่น่าสนใจ เช่น พ่อค้าแม่ค้าขายครีมหอยทาก ก็อาจเล่าเรื่องเกี่ยวกับหอยทาก ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน เล่าความเป็นมาของการนำเมือกหอยทากมาใช้และอื่นๆ แค่นี้คนก็อยาก Like อยาก Share

2.โพสต์รูปภาพหรือวิดีโอ
เฟสบุ๊คจะให้ค่าโพสต์แต่ละประเภทแตกต่างกัน โพสต์ที่เป็นภาพหรือเป็นวิดีโอ จะมีค่าน้ำหนักมากกว่าโพสต์ชนิดอื่นๆ ดังนั้น คุณพ่อค้าแม่ค้าก็อย่าลืมหารูปภาพสินค้าสวยๆ หรือวิดีโอรีวิวน่ารักๆ มาให้แฟนๆ กด Like บ้าง

3.สื่อสารกับแฟนเพจประจำ
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องหมั่นคุยกับแฟนเพจเป็นประจำผ่านอินบ็อกซ์ก็ได้ ยิ่งถ้าเขาทักมาก่อน ก็อย่าพลาดโอกาสที่จะตอบ เพราะจะทำให้เฟสบุ๊คเห็นว่า คุณสนิทกับแฟนๆ ของเพจมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าความใกล้ชิดให้แต่ละโพสต์ของคุณด้วย เท่ากับเพิ่มโอกาสที่แฟนๆ ของเพจจะเห็นโพสต์ของคุณ

4.โพสต์ตั้งคำถามให้คนตอบ
เพราะเมื่อลูกค้าคอมเมนต์ คุณก็สามารถไปตอบลูกค้าได้ จะได้ทั้งค่าน้ำหนักจากการคอมเมนต์ และค่าความใกล้ชิดจากการพูดคุยโต้ตอบกัน หากคุณกลัวจะตกหล่นหรือตอบช้า คุณอาจใช้ ระบบ Page365 ที่คอยเก็บคอมเมนต์และข้อความจาก เฟสบุ๊คมาแสดงในที่เดียวเลย หรือจะใช้ระบบตอบกลับอัตโนมัติ เพื่อตั้งคำตอบเวลามีลูกค้าถามคำถามยอดฮิต

5.ใส่ข้อความเชิญ Comment, Share หรือ Like ในโพสต์
อาจจะตรงไปหน่อย แต่เป็นวิธีเพิ่มคะแนนของโพสต์ที่ใช้ได้ดีมาก ถ้าพ่อค้าแม่ค้ารู้สึกลำบากใจ ไม่รู้จะเขียนยังไงดี คุณควรเขียนแบบน่ารักๆ ตลกๆ เป็นกันเอง เพื่อที่จะให้แฟนเพจได้ไม่รู้สึกว่า โดนสั่งหรือโดนบังคับ

6.เลือกเวลาโพสต์ให้ถูกต้อง
การเลือกเวลาโพสต์ก็มีส่วนสำคัญต่อการเห็นของแฟนๆ สมมติว่า โพสต์ที่โพสต์ตอนตี 3 ในขณะที่ทุกคนนอนหลับ กับโพสต์ที่โพสต์ตอน 6 โมงเย็น ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งรถกลับบ้าน หรือรถกำลังติด แน่นอนว่าโพสต์ 6 โมงเย็น จะต้องมีคนเห็นมากกว่าแน่นอน เพราะมีจำนวนคนออนไลน์เยอะกว่า แต่เรื่องเวลาออนไลน์ของลูกเพจ บางเพจอาจจะออนไลน์ดึกกว่าปกติ หรือเช้าๆ ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการโพสต์มีส่วนสำคัญ เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่แฟนเพจของคุณเล่นเฟสบุ๊ค และ มีโอกาสสูงที่เขาจะเห็นโพสต์ และได้รับการตอบรับที่ดีจากโพสต์นั้น ๆ

ที่มา : ThaiSMEsCenter (https://bit.ly/2OMObyr)

6 เทคนิคเพิ่มคนเห็นโพสต์ สร้างยอดขายปังๆ

เทคนิคการปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้ได้ผลผลิตสูงและมีรสชาติหวานฉ่ำบนพื้นที่จำกัด
จะทำอย่างไรเมื่อมีพื้นที่จำกัด แต่ต้องการปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้มีลูกดก รสชาติดีเหมือนกับการปลูกบนพื้นที่กว้างๆ ที่มีสภาพดินกร่อย(เค็ม) เช่น จังหวัดที่อยู่ติดทะเล ที่นี่มีคำตอบให้ง่ายนิดเดียว ไม่ว่าจะอยู่บนพื้นที่ที่ไม่เอื้อต่อการผลิตมะพร้าวน้ำหอมรสชาติดี หรือมีพื้นที่ไม่กี่ไร่ ก็สามารถเพาะปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้มีรสชาติหวาน- หอม ผลผลิตสูงได้ ด้วยเทคนิคนี้

ที่มา : www.rakbankerd.com

เครือข่ายพัฒนาความรู้

แลกเปลี่ยนความรู้

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ